...+

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

กาษา นาคา ละคร ตระการตาที่โชว์ศิลปะและความสวยงามแบบไทย ๆ ผลงานของ กนกวลี พจนปกรณ (drama_kasa)

ที่มา ของรูป http://www.ch7.com/website/entertain/drama-detail-kasa.html



กาษา นาคา ที่บริษัท เป่าจินจง นำมาสร้างเป็นละครช่อง 7 ออกอากาศทุกวันพุธ พฤหัสบดี เริ่ม 16 พ.
ค.2550 แค่ตอนแรกที่ได้ชม ก็เข้มข้นถึงใจจริงๆ

เสื้อผ้า ฉาก เทคนิคการถ่ายทำ สุดยอดจริงๆ

กนกวลี พจนปกรณ์ ผูกและสร้างเรื่อง 'กาษา นาคา' เพื่อสะท้อนความคิดนี้ ด้วยการบอกกล่าวเล่าเรื่องด้วยบทบาทและ พฤติกรรมต่าง ๆ ของตัวละครอย่างมีสีสัน โดยใช้ 'สัญลักษณ์' เป็นสื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงความรู้สึก ความเร้นลับภายในจิตใจของคนได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งยังแฝงคติธรรมอย่างแนบเนียน พอเหมาะพอดี 'กาษา นาคา' จึงเป็นจินตนาการอันงดงามที่ควรค่าแก่การจารึกไว้ในความทรงจำ

เรื่องเล่าความผูกพันรักใคร่แต่อดีตชาติ ซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น ผูกพยาบาท ไล่ล่า ติดตามจองเวรมาจวบจนชาติปัจจุบัน อาจจะเคยผ่านตาท่านมาบ้างแล้ว ความสนุกสนานเพลิดเพลินที่ได้รับคงจะแตกต่างกันไป แต่สำหรับ 'กาษา นาคา' เล่มนี้ จะเป็นอีกรสชาติหนึ่งของนิยายนี้ ที่เมื่อได้อ่านแล้ว ท่านจะสัมผัสได้ถึงความ 'อิ่ม' ทางใจที่หาได้ยากยิ่งในโลกปัจจุบัน




กาษา นาคา ฉบับที่ตีพิมพ์เป็นหนังสือนั้น เคยได้รับรางวัลเกียรติยศ รางวัลชมเชย ประเภทนวนิยาย ประจำปี 2549 มาแล้ว ซึ่ง ผู้แต่งได้เขียนคำนำเกี่ยวกับนวนิยายเรืองนี้ไว้ ในหนังสือว่า...





ชื่อเรื่อง กาษา นาคา
นักเขียน กนกวลี พจนปกรณ์
สำนักพิมพ์ เพื่อนดี
พิมพ์ครั้งที่ 1
ISBN 974-93458-1-9
หมวดหนังสือ จินตนิยาย
ราคาิ 250 บาท
เกียรติยศ รางวัลชมเชย ประเภทนวนิยาย ประจำปี 2549


คำนำนักเขียน : กนกวลี พจนปกรณ์
ที่มา http://www.puendee.com/detail_book.asp?BookID=319

เมื่อข้าพเจ้าเขียนนิยายเรื่อง 'กาษา นาคา' จบลงแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่านวนิยายเรื่องนี้ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ตนเอง นั่นคือทำให้ข้าพเจ้ากลัวกรรมชั่ว และเชื่อในเรื่องของกฏแห่งกรรมมากยิ่งขึ้น

ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวทั้งหมดใน 'กาษา นาคา' จะเป็นเพียงเรื่องราวที่ข้าพเจ้าจินตนาการขึ้นมาเองก็ตาม แต่เรื่องทั้งหมดนี้ ก็อิงอยู่กับความเป็นจริงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น

ข้าพเจ้าจึงหวังว่า สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ก็คงจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้างเช่นกัน

นวนิยายเรื่องนี้จบลงแล้ว...จบลงด้วยความขอบคุณต่อผู้มีพระคุณและช่วยเหลือข้าพเจ้า คือ

ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ผู้ซึ่งจุดประกายเริ่มต้นในบทเบื้องแรกของ 'กาษา นาคา' และยังชมข้าพเจ้าทุกครั้งที่ได้พบเจอว่า ตามอ่านอย่างสนุกตลอด...

คุณนิเวศน์ กันไทยราษฏร์ ผู้เป็นกำลังใจให้เสมอ

ลูกชาย แสงตะวัน ผู้ขับรถพาข้าพเจ้าไปอีสานและข้ามไปฝั่งลาว จนถึงเวียงจันทน์ด้วยความสะดวกสบายและปลอดภัย

ลูกสาว ดุจตะวัน ผู้คอย อ่าน เช็ก ต้นฉบับของข้าพเจ้าให้ทุก ๆ ตอน

และขอขอบคุณทีมงานผู้เกี่ยวข้องทุกท่านทั้งในสกุลไทยและเพื่อนดี

สุดท้าย...ข้าพเจ้าต้องขอก้มลงกราบลงแทบพื้นปฐพี กราบด้วยความเคารพบูชาอย่างสูงสุด ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่คำสั่งสอนของท่านวิเศษเป็นจริง แลจับใจที่สุดจะหาใดเหมือน...

ขอให้ท่านผู้อ่าน...ได้อ่าน 'กาษา นาคา' อย่างมีความสุขนะคะ





เรื่องย่อ

บทประพันธ์ กนกวลี พจนปกรณ์
บทโทรทัศน์ ใบลาน
กำกับการแสดง คุณสมพร เชื้อบุญอุ้ม
ดำเนินการผลิต บริษัท เป่า จิน จง จำกัด
อำนวยการผลิต คุณสุรางค์ เปรมปรีดิ์


หญิงสาวสวยจัด ผมดำยาวสยาย ดวงตาดำสนิทลึกล้ำ ร่างแบบบางเหมือนต้นอ้อที่กำลังล้อลม เธอนั่งอยู่บนตั่งใหญ่ เสียงฆ้องพลิ้วใสดุจเสียงทิพย์คนธรรพ์ลอยแผ่วมาตามสายลมแทรกด้วยเสียงหูกทอผ ้า เธอกำลังทอผ้า ผ้าไหมเนียนนุ่ม เส้นลื่น สีขาวสะอาดตาถูกทักทอยาวเป็นวา

แล้วผ้าไหมผืนนั้นก็ถูกวางลงบนมือของ วารี เสียงแผ่วเหมือนกระซิบกล่าวว่า “ ฝากผ้ากาษาให้วาดจันทร์ สำหรับใช้ในวันที่ผู้ชายที่วาดจันทร์รักที่สุดบวช อย่าลืม ให้ผ้ากาษาแก่วาดจันทร์ ผ้ากาษานี้เป็นของวาดจันทร์ “

วารีสะดุ้งตื่นจากฝันที่ชัดเจนราวกับความจริง และในวันรุ่งขึ้นผ้าไหมสีขาวผืนยาวก็ตกมาถึงมือวารีจากร้านขายของเก่าร้านนั ้น ผ้าผืนนั้นถูกเก็บอย่างดีตราบจนกระทั่ง วาดจันทร์ ลูกสาวคนเดียวของวารีและพิสุทธิ์ อายุ 21 ปีบริบูรณ์ วาดจันทร์จึงได้พบกับ พงศ์พญา ผู้ชายคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต
พงศ์พญา พบกับ วาดจันทร์ ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ในหมู่ชนคลาคล่ำที่ไปดูบั้งไฟพญานาคที่ริมแม่น้ำโขง ความรู้สึกประหลาดปานกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านร่างกาย เมื่อสบตากับวาดจันทร์เป็นครั้งแรก หญิงสาวสวยแปลก นัยน์ตาคมวับวาว ผมยาวสลวยและน้ำเสียงไพเราะที่ไม่เคยลบเลือนไปจากใจของพงศ์พญาตั้งแต่วันพบจ นถึงวันที่ต้องจากกันชั่วนิรันดร์

วันนั้นพงค์พญามาดูบั้งไฟพญานาคกับ วินตา เพื่อนสาวที่สนิทกันมาก อู๋ เพื่อนชายและ อี๋ น้องสาวของอู๋ ระหว่างทางกลับกรุงเทพวินตาชวนแวะชมแกลลอรี่ชื่อ “สวนศิลป์ริมโขง” ที่นี่พงค์พญาพบหญิงสาวที่เพิ่งได้รู้ว่าเธอชื่อวาดจันทร์เป็นเจ้าของแกลเลอ รี่แห่งนี้ เธอผู้เป็นเจ้าของภาพวาดดวงจันทร์เหนือน้ำที่ใสเย็นฉ่ำเป็นประกายระยิบระยับ ด้วยแสงสะท้อน ในขณะเดียวกันวินตายืนเหมือนถูกมนต์สะกดอยู่หน้าภาพเขียนนกกางปีกสีขาว

ถลาร่อนลมเหนือฟ้าที่เบื้องล่างคือท้องทะเล ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนกันว่ามีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างจากภาพเขียนทั้งสองภาพแ ละตัวตนของแต่ละคน

ขณะนั้นเกิดเหตุการณ์ตื่นเต้นขึ้น ยายสำเนียงยายของวาดจันทร์วิ่งมาบอกว่า เม็ดขนุน เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ที่วาดจันทร์รักเหมือนน้อง ตกน้ำ ทุกคนวิ่งออกไปริมแม่น้ำ ยังไม่ทันที่ใครจะทำอะไร วาดจันทร์กระโดดลงน้ำทันที

น้ำที่ไหลเชี่ยวไม่อาจขัดขวางได้ วาดจันทร์ว่ายน้ำปราดเปรียวและรวดเร็วไปตามกระแสน้ำประหนึ่งปลา มุ่งหน้าไปยังเม็ดขนุน ที่ถูกน้ำพัดพาไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองอย่างตกตะลึงที่เห็นร่างของวาดจันทร์แหวกสายน้ำไปจนถึงตัว

เม็ดขนุน เมื่อวาดจันทร์อุ้มเม็ดขนุนกลับมาไม่มีใครนอกจากวินตาสังเกตว่าวาดจันทร์ไม่ มีกริยาเหน็ดเหนื่อยเลย แต่ทันทีที่วาดจันทร์สบตาห่วงใยขีดสุดของพงค์พญา ร่างแบบบางนั้นก็อ่อนระทวยลงในอ้อมแขนพงศ์พญาที่รับไว้ทันท่วงที พงศ์พญาอุ้มวาดจันทร์กลับแกลเลอรี่ สัมผัสใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่เกิดความผูกพันบางอย่างที่ถักทอขึ้นในหัวใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่รอดพ้นสายตาดุดันของวินตา สายตาของผู้หญิงที่หลงรักพงศ์พญาข้างเดียว มาเนิ่นนาน บัดนี้

พงศ์พญากำลังจะไกลออกไปทุกที วินตาเกือบจะแน่ใจเมื่อเห็นสายตารุ่มร้อนของวาดจันทร์จับจ้องพงศ์พญา ในวันต่อมา เมื่อวาดจันทร์มาทานข้าวกลางวันตามคำเชิญของอู๋ แม้สายตาของพงศ์พญาจะสงบนิ่งราวน้ำเย็น ในสระ แต่วินตาก็เห็นแวววาวแห่งความปรารถนาลึกซึ้งซ่อนอยู่เบื้องล่าง

วินตาเกรี้ยวกราดแทบจะถึงขั้นคลุ้มคลั่งเมื่อกลับถึงบ้าน แรงโมโหร้อนแรงประหลาดทำเอาคนในบ้านประหวั่นพรั่นพรึงไปตามๆกัน ยามนี้หญิงสาวสวย ขี้เล่น ยิ้มแย้มแจ่มใสหายไป มีแต่หญิงสาวที่ถูกพายุแห่งความโกรธพัดโหมจนร่างกายแทบจะมอดไหม้ วินตาคิดถึงภาพนกตัวใหญ่กางปีกร่อนเหนือท้องทะเล นกที่มีดวงตาดุดันคบกริบประหนึ่งพญาครุฑ วินตารู้ว่าตัวเธอผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถใช้ภาพนี้หวนกลับไปทำร้ายวาดจัน ทร์ได้ ภาพที่พิสุทธิ์ ศิลปินผู้เขียนตั้งชื่อว่า “โอบมหานที” วินตาจึงส่งข้อเสนอขอซื้อภาพนั้นเพื่อนำมาเป็นอาวุธทำร้ายวาดจันทร์อีกที แต่วาดจันทร์ตอบกลับ มาว่าจะขายให้ในราคาหนึ่งล้านบาท วินตาโกรธมากถือว่าวาดจันทร์ท้าทาย บุรินทร์ พ่อของวินตาซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ มีอำนาจมากแต่อยู่ภายใต้คำสั่งของลูกสาว จึงใช้วิธีการสกปรกไปข่มขู่วาดจันทร์เพื่อจะเอาภาพโอบมหานทีมาให้วินตา แต่วาดจันทร์ไม่ยอมแพ้ วินตาไม่ได้รูปภาพมาจึงยิ่งโกรธวาดจันทร์

พิสุทธิ์คือพ่อของวาดจันทร์ ชายกลางคนผู้มีความหวังที่เศร้าสะเทือนใจ ทุกครั้งที่วาดจันทร์มองพ่อ วาดจันทร์จะคิดถึงแต่ผู้ชายใจดี แจ่มใส มีอารมณ์ขันและน่ารักนักหนา พ่อกลายมาเป็นผู้ชายซึมเศร้าทันทีที่แม่ตาย พ่อเป็นจิตรกรฝีมือเลิศในความคิดของวาดจันทร์ ยกเว้นแต่ภาพโอมมหานทีเท่านั้นที่วาดจันทร์เกลียดที่สุด วาดจันทร์ยังจำได้ว่าพ่อเขียนรูปนี้นานมากหลายปีกว่าจะเสร็จ พ่อบอกวาดจันทร์ว่าพ่อไม่ตั้งใจเขียนให้เป็นอย่างนี้ แต่เขียนไปกี่ครั้งๆ ก็เป็นภาพนกหน้าตาเหมือนครุฑอย่างนี้ทุกครั้ง วาดจันทร์ถามพ่อว่าทำไม พ่อไม่ตอบแต่ในสายตาพ่อลึกล้ำ วาดจันทร์รู้แน่ว่าพ่อมีคำตอบเพียงแต่ไม่ใช่สำหรับเธอเท่านั้น
วาดจันทร์เล่าให้พ่อฟังว่าเธอพบผู้ชายที่คิดว่าใช่แล้ว พิสุทธิ์มองลูกสาวที่ร่าเริง แจ่มใสด้วยสายตาเป็นกังวลลึกซึ้ง เขาจะบอกวาดจันทร์ได้อย่างไรว่าเขาสังหรณ์ใจว่าหนทางความรักของลูกสาวคนเดีย วของเขา เป็นหนทางที่มืดสนิทไม่มีแสงสว่างใดๆที่ปลายทางเลย วาดจันทร์คุยให้ วิภาดา เพื่อนสนิทฟังว่า เธอกำลังมีความรัก วิภาดาตกใจเพราะก่อนหน้านี้วาดจันทร์ไม่เคยรักผู้ชายคนใดในจำนวนผู้ชายหลายค นที่มารักเธอ

วันต่อมาพงศ์พญาพาวาดจันทร์ไปหาแม่ของเขา วินาทีที่วาดจันทร์สบตา คุณบุญนารี เธอสะท้านไปทั้งตัวด้วยความเกลียดชัง ด้วยความรู้สึกอยากทำร้าย อยากฆ่าให้ตาย ที่น่าประหลาดคือคุณบุญนารีสื่อความรู้สึกเหล่านั้นทุกอย่าง เธอหวาดกลัววาดจันทร์โดยไม่มีสาเหตุ แต่เมื่อวาดจันทร์พบ นายแพทย์ปรากรม พ่อของพงศ์พญา วาดจันทร์ระงับความรู้สึกเกลียดชังคุณบุญนารี ยิ้มแย้ม อ่อนหวาน พูดคุยอย่างดีกับปรากรม จนปรากรมคิดว่า ข้อกล่าวหาของภรรยาคือเรื่องของแม่ที่หวงลูกชายคนเดียว คุณบุญนารีรู้ดีว่าไม่ใช่ รอยเขียวคล้ำเป็นปื้นหนาบริเวณข้อมือเป็นประจักษ์พยาน รอยนั้นเกิดขึ้นหลังจากวาดจันทร์จับข้อมือเพื่อพยุงให้เธอเดิน ทันทีนั้นเธอเจ็บ ปวดแสบปวดร้อน และรู้สึกถึงแรงมือของวาดจันทร์ว่ามากมายมหาศาล คุณบุญนารีเก็บความรู้สึกนี้ไว้อย่างมิดชิด เธอทำตัวปกติกับวาดจันทร์ เพื่อความสุขของพงศ์พญา ทั้งๆที่ในใจหวั่นไหวเป็นที่สุด ที่น่าประหลาดคือเธอไม่มีความรู้สึกนี้กับวินตา มีแต่ความรู้สึกรักใคร่ ถ้าเป็นไปได้เธออยากให้วินตาแทนที่วาดจันทร์ในใจของพงศ์พญา
ความต้องการของคุณบุญนารีไม่มีวันเป็นจริง เพราะนับวันความรักของพงศ์พญาต่อวาดจันทร์ก็เพิ่มขึ้นจนล้นหัวใจ เขาคิดถึง อยากอยู่ใกล้ชิด อยากสัมผัส อยากรักเธอทุกลมหายใจ วาดจันทร์ก็เช่นกันใจของเธอจดจ่ออยู่กับพงศ์พญาตลอดเวลา บางครั้งเธอไปถึงสวนศิลป์แกลเลอรี่ได้เพียงอึดใจก็ออกเดินทางกลับมากรุงเทพเ พื่อมาพบกับพงศ์พญา ความรู้สึกโหยหาซึ่งกันและกันอย่างแปลกประหลาดนี้ไม่ใช่ความรักธรรมดาของหนุ ่มสาว แต่เป็นสัญญาณบางย่างจากอดีตชาติอันไกลโพ้น อดีตชาติที่มิได้มีแค่พงศ์พญาและวาดจันทร์ แต่ยังมีคุณบุญนารี ผู้ซึ่งแน่นอนคือศัตรูของ วาดจันทร์ รวมทั้งวินตาอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ยังคงติดตามจองล้างจองผลาญจนถึงชาติปัจจุ บัน เธอเกลียดวินตาและวินตาก็เกลียดวาดจันทร์ ที่สำคัญเธอกลัววินตาด้วย โดยเฉพาะเมื่อเห็นเล็บยาวจนงุ้มทาสีแดงสดของวินตา มันเหมือนเล็บของนกเหยี่ยว วาดจันทร์เห็นครั้งใดเหมือนมีใครมาขย้ำขยี้จิกกรีดจนเจ็บไปทั่วตัว ที่น่าแปลกคือพงศ์พญา เองก็รู้สึกเช่นกันเมื่อเห็นเล็บสีแดงของวินตา ตรงกันข้ามกับวินตาเธอชอบนกเป็นที่สุดถึงกับเลี้ยงนกหลายชนิดที่บ้าน

สัญญาณลึกลับอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับวาดจันทร์คือเธอเข้าวัดไม่ได้ ทันทีที่ย่างก้าวเข้าสู่เขตพัทธสีมา เธอจะร้อนรุ่ม เหงื่อกาฬไหล หัวใจถูกบีบอึดอัดหายใจไม่ออก สิ่งนี้พงศ์พญาไม่เป็น เขาจะรู้สึกสุขสงบเอิบอาบด้วยความสุขที่เกิดขึ้นในใจ

ถ้าความรู้สึกนี้เป็นผลมาจากกรรมเก่าในอดีตชาติ พงศ์พญาและวาดจันทร์ก็คือเผ่าพันธุ์เดียวกัน และแน่นอนต่างไปจากวินตา ที่แน่นอนที่สุดทั้งสองข้างคือศัตรูกัน แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น อะไรคือเหตุผลที่ทำให้วินตาเกลียดวาดจันทร์แต่รักพงศ์พญา อย่างไรก็ตามทั้งสามคนไม่แน่ชัดกับความรู้สึกดังกล่าว รู้แต่เพียงว่าเป็นอะไรที่ลางๆอยู่ในใจ รู้สึกบางครั้ง แล้วก็เลือนหาย ไม่มีผู้ใดตั้งคำถามต่อความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตน

นรวิชญ์ นักศึกษาปริญญาโทสาขาโบราณคดี สนใจงานของพิสุทธิ์ จึงติดต่อมาสัมภาษณ์ประวัติชีวิต นรวิชญ์ พบกับวาดจันทร์และต้องใจในความงามแปลกประหลาดของวาดจันทร์ จึงหาทางเข้ามาพบมาใกล้ชิดวาดจันทร์โดยอาศัยพิสุทธิ์เป็นทางผ่าน พิสุทธิ์เองพยายามกีดกันไม่ให้วาดจันทร์ติดต่อกับพงศ์พญาด้วยเหตุผลที่อธิบา ยไม่ได้ จึงเปิดทางให้นรวิชญ์ได้ใกล้ชิดกับวาดจันทร์มากขึ้น และในขณะเดียวกัน นรวิชญ์คือแหล่งความรู้ในเรื่องโบราณและตำนานเก่าแก่ นรวิชญ์จึงเข้านอกออกในบ้านสวนศิลป์ริมโขงของพิสุทธิ์ได้อย่างอิสระ แม้แต่เมื่อพิสุทธิ์มาพักบ้านที่กรุงเทพ (หรืออยุธยา) นรวิชญ์ก็ยังติดตามมา เหตุนี้จึงทำให้พงศ์พญาขุ่นเคืองใจมีปากเสียงกับวาดจันทร์หลายครั้ง

วาดจันทร์ไม่ชอบภาพโอบมหานทีเลย จึงดำริจะขายให้วินตา พิสุทธิ์แม้จะไม่ชอบภาพนี้แต่ก็ไม่เห็นด้วย เมื่อเห็นวินตาต้องการนักหนา เขามีลางสังหรณ์บางอย่างว่าการส่งภาพนี้ให้วินตา คือจุดเริ่มต้นความหายนะสู่ลูกสาวคนเดียว พ่อลูกขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก พิสุทธิ์ถึงกับนำภาพนี้ไปเก็บซ่อนไว้ แต่วาดจันทร์ตามไปเอากลับมาจนได้ พิสุทธิ์พยายามชี้แจง แต่วาดจันทร์ไม่เชื่อพ่อ วันหนึ่งภาพโอบมหานทีจึงอยู่ในมือวินตา

วินตารู้สึกได้ทันที ทุกครั้งที่มองดูภาพโอบมหานทีว่าตนเองเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นภายในกา ย เป็นความรู้สึกมีพลัง มีอำนาจเหนืออะไรบางอย่าง วินตารู้อีกด้วยว่าอำนาจนั้นควรจะใช้กับใคร ฉะนั้นในคืนวันหนึ่ง ขณะที่วินตายืนจ้องภาพนี้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับนกในภาพ ฉับพลันความรู้สึกเหมือนได้ล่องลอยไปในอากาศ ลอยไปพร้อมกับเสียงนกกระพือปีก เป็นเวลาเดียวกันที่วาดจันทร์ฝันว่าโดนนกทำร้ายจิกตีจนมีแผล ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งคือ พงศ์พญาฝันเช่นกัน เขาฝันว่าเขาเห็นวาดจันทร์ถูกนกทำร้าย พงศ์พญาถึงตัววาดจันทร์ทันที เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เพื่อจะพบกับความประหลาดใจว่าวาดจันทร์มีแผลที่หัวไหล่เป็นแผลที่เกิดจากถูก นกจิกจริง ๆ

พิสุทธิ์แทบขาดใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพร่ำโทษตัวเองต่อหน้ารูปมารดาของวาดจันทร์ว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ เข้มแข็ง พอที่จะห้ามวาดจันทร์เรื่องรูปโอบมหานทีไว้ได้ ในโอกาสนี้นรวิชญ์เข้ามาใกล้ชิดพิสุทธิ์มากขึ้น พิสุทธิ์เร่งนรวิชญ์ให้หาทางแก้ไขเรื่องนี้โดยด่วน ส่วนตัวเองบังคับให้วาดจันทร์ทำบุญที่วัดจนได้ แม้จะต้องบังคับ

ลูกสาวอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก วาดจันทร์ไปกับพ่อแต่ดิ้นรนไม่ยอมเข้าโบสถ์ท่าเดียว พิสุทธิ์ไม่สามารถบังคับลูกสาวต่อหน้าสาธารณะชน ดังนั้นวาดจันทร์จึงไม่เห็นว่า ภายในโบถส์พงศ์พญากำลังนั่งฟังเทศน์ด้วยสีหน้าผ่องใส สงบสุข งดงามอย่างยิ่ง

การที่พงศ์พญาเลื่อมใสในพุทธศาสนาอย่างมากนี้ เป็นเหตุให้วาดจันทร์กระทบกระเทือนอย่างหนัก เพราะหลายครั้งที่พงศ์พญามาพบวาดจันทร์ผิดเวลามากเพราะไปเที่ยววัดมา หรือไม่ก็ไม่โทรศัพท์หาวาดจันทร์เป็นหลายวันติดกัน เพราะมัวแต่ไปเดินหรือไปนั่งเล่นอยู่ในวัด บุคคลที่เป็นทุกข์จากการฝักใฝ่ในศาสนาของพงศ์พญา คือคุณบุญนารี เพราะคำทำนายว่าพงศ์พญาจะบวชเรียน 3 ครั้ง พงศ์พญาบวชไปแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่เด็กและรุ่นหนุ่ม บัดนี้ถ้าพงศ์พญาจะบวชอีกครั้ง คุณบุญนารีสังหรณ์ว่าไม่สึกแน่ เพราะฉนั้นคุณบุญนารีบอกกับนายแพทย์ปรากรมว่าจะขัดขวางพงศ์พญาสุดชีวิต

ความห่วงใยที่พิสุทธิ์มีต่อบุตรสาวคนเดียวก่อตัวขึ้นตั้งแต่วาดจันทร์ยังเด็ ก เขาสังเกตกริยาท่าทางผิดปกติ ของวาดจันทร์ตั้งแต่เธอเริ่มรู้ความ เขาเห็นว่าในยามถูกขัดใจดวงตาของวาดจันทร์จะเปล่งประกายกล้า สีนัยน์ตาเปลี่ยนเป็นเขียวเข้มจัดและล้ำลึกเหมือนน้ำในบ่อ วาดจันทร์เกลียดนกแม้แต่นกตัวเล็ก ๆ นอกจากเกลียดแล้วยังกลัวด้วย เป็นความกลัวที่ไม่มีเหตุผล พิสุทธิ์พยายามแก้ไขความไม่ปกตินี้ด้วยวิธีที่เขาคิดว่าธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ทำกัน คือพาไปวัด พาไปหาพระ แต่ฉับพลันที่วาดจันทร์เข้าสู่ขอบเขตพัทธสีมา อาการหวาดกลัวจนสั่นสะท้านทำให้เขาต้องรีบพาออกจากวัดอย่างเร็ว ต่อจากนั้นเขาพยายามพาวาดจันทร์ไปวัดอีกหลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะวาดจันทร์เกิดอาการอย่างเดิม เมื่อวาดจันทร์โตขึ้น ความทุกข์ของพิสุทธิ์ก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทุกข์ใดจะเท่าทุกข์ของพ่อที่รู้ว่าลูกสาว เคียดแค้นชิงชังศาสนา เพราะนั่นคือบาปถึงขั้นมหันต์

วินตารู้ว่าวาดจันทร์เข้าวัดไม่ได้จึงแกล้งทำทุกทางเพื่อให้วาดจันทร์ไปวัด ตัววินตานั้นประมูลการซ่อมวัดมาได้หลายวัดพงศ์พญารับหน้าที่เป็นผู้ดูแลการซ ่อม พงศ์พญาทำงานมีความสุข วินตาจัดการให้วาดจันทร์เข้ามาหาพงศ์พญาด้วยเหตุจำเป็นต่าง ๆ นานา และยินดีปรีดาเมื่อเห็นอาการทนทุกข์ทรมานของวาดจันทร์

วินตาจะรู้หรือไม่ว่าการกลั่นแกล้งของเธอ จะเป็นเสมือนหอกที่หวนกลับมาทิ่มแทงตัวเธอเอง เพราะ พงศ์พญาเห็นวาดจันทร์ทุกข์ทรมานก็สงสารและเห็นใจอย่างมาก นอกเหนือจากความรักที่มีอยู่เต็มหัวใจแล้ว พงศ์พญาจึงขอวาดจันทร์แต่งงาน คุณบุญนารีขัดขวางสุดตัวโดยความร่วมมือของวินตา ผู้ซึ่งกำลังคั่งแค้นสุดขีด วิธีการคือทำทุกทาง ที่จะให้พงศ์พญาอยู่ในวัดมากขึ้น เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพงศ์พญาเหมือนลืมวันลืมคืนเมื่ออยู่ในวัด เขาลืมแม้แต่วาดจันทร์ วาดจันทร์รู้ดีว่าถูกกลั่นแกล้ง เธอกลายเป็นคนอารมณ์แรงบุกไปตามพงศ์พญา ถึงในวัด ยอมทนกับเสียงพระสวดจนถึงที่สุดทนไม่ได้เกิดอาการเกรี้ยวกราด ดวงตาสีเขียวจัดเป็นประกายสักครู่ก็ชักและสลบไป พงศ์พญาสงสาร โรคประหลาดของวาดจันทร์จึงกำหนดวันแต่งงานเพื่อคุ้มครองวาดจันทร์วาดจันทร์เ ป็นสุขกับความฝันถึงวันแต่งงาน เตรียมชุดที่จะใส่ ของชำร่วย เตรียมสถานที่ แต่อีกคนกำลังร้อนเร่าเหมือนอยู่ในเพลิงแห่งนรก.... วินตา

วันหนึ่ง วาดจันทร์หลับแต่หัวค่ำเพราะเหนื่อยกับการเตรียมงานแต่งงาน ความรู้สึกเดิม ๆ เกิดขึ้นอีก คราวนี้พลังประหลาดที่ฉวัดเฉวียนรอบตัวแรงขึ้น เร็วขึ้น วาดจันทร์หลบซ้ายหลบขวา จนไม่มีทางหนี เธอหันหน้ามาเผชิญ พร้อมจะสู้ นัยน์ตาเปร่งแสงสีเขียวจัด แต่ในพริบตาเดียว พลังมหาศาลก็สะบัดใส่หน้าวาดจันทร์ก่อนที่จะมีเสียงปีกนกกระพืออย่างแรง ไปตามทางจนเสียงแผ่วลงในที่สุด วาดจันทร์ตื่นนอนตอนเช้าพร้อมรอยแผลหลายรอยตามใบหน้าและเนื้อตัว พิสุทธิ์หวั่นวิตกเพิ่มขึ้น คิดว่าเขาต้องหาทางช่วยวาดจันทร์ให้ได้ แม้ว่าจะยากเย็นสักเพียงใด
ยายสำเนียง ยายของวาดจันทร์รับรู้ถึงความทุกข์ทรมานเร่าร้อนที่วนเวียนในใจของวาดจันทร์ และอยากหา ทางช่วย จึงรีบไปหา หลวงพ่อปุ่น แต่ระหว่างทางยายสำเนียงถูกรถชนตายคาที่ งานแต่งงานจึงถูกแทนที่ด้วยงานศพ วาดจันทร์โศกเศร้ากับการสูญเสียยาย พงศ์พญาอยู่ไม่ห่างกายวาดจันทร์

พิสุทธิ์บอกกับนรวิชญ์ว่าความรักที่แท้จริงคือ การอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข นรวิชญ์จึงหยุดความตั้งใจที่ยังจะแย่งชิงวาดจันทร์ทั้งสองคนช่วยกันวิเคราะห ์ว่ากุญแจดอกสำคัญที่จะช่วยให้วาดจันทร์มีชีวิตที่สงบสุขคือต้องหยุดวินตาแล ะบุญนารี สิ่งที่จะหยุดวินตาได้คือภาพโอบมหานที พิสุทธิ์จึงกล่อมวาดจันทร์ให้ไปขอซื้อต่อจากวินตา วินตาพูดใส่หน้าวาดจันทร์ว่า “ไม่มีวันขาย” นอกจากนี้ยังเจ้าเล่ห์ หลอกล่อวาดจันทร์ตกอยู่ในวงล้อมของนกเหยี่ยว....

ในคืนที่สองของงานศพ จู่ๆ วาดจันทร์ถูกนกเหยี่ยวพุ่งเข้าทำร้าย พงศ์พญาพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ก็หวาดกลัวเหยี่ยวไม่ต่างกับวาดจันทร์ วาดจันทร์โดนจิกตีตามใบหู หน้าตา จนเป็นแผล รุ่งเช้าทุกคนประหลาดใจกับสภาพของวาดจันทร์ที่เจ็บป่วยอย่างหนัก วินตาทำทีมาเยี่ยม แต่นรวิชญ์ดูท่าทางวินตาออก และพูดว่าวินตาอาจจะเป็นคนทำร้ายวาดจันทร์ วินตาด่านรวิชญ์ฟุ้งซ่าน ก็เห็นอยู่ว่าวาดจันทร์ถูกนกเหยี่ยวจิกตี

พงศ์พญาตัดสินใจรีบแต่งงานกับวาดจันทร์ทันที โดยยอมตามใจคนรัก ไม่จัดพิธีสงฆ์ แต่บุญนารีขอเพียงนิมนต์หลวงพ่อปุ่นมาให้พร พงศ์พญาเมื่อพบหลวงพ่อปุ่นก็ก้มลงกราบด้วยใบหน้าสงบ ต่างจากวาดจันทร์ที่ร้อนรุ่ม ในใจ ร่างกายแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อวาดจันทร์เงยขึ้นเห็นแสงผุดผ่องจากชายผ้าเหลืองที่อยู่ห่างตรงหน้าแค่ค ืบ วาดจันทร์ถึงกับชัก ดิ้น กลัวลนลานและสิ้นสติสมประดีไปทันที

วาดจันทร์หลับและเพ้อไม่ได้สติ พงศ์พญาทุกข์ใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน วินตาดีใจที่วาดจันทร์ไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาต่อสู้แย่งชิงได้อีก นรวิชญ์ที่รู้ผิดชอบชั่วดี ทนเห็นวาดจันทร์ผิดหวังในรักอีกไม่ได้ จึงตัดสินใจบอกพงศ์พญาถึงความจริงที่อาจจะช่วยชีวิตวาดจันทร์

พงศ์พญามาหาวินตาที่บ้าน วินตาดีใจ คิดว่าพงศ์พญาจะเปลี่ยนใจ แต่กลายเป็นว่าพงศ์พญาเอาภาพโอบมหานที เผาทิ้งต่อหน้าต่อตา ทันทีที่ภาพมอดไหม้ วาดจันทร์ก็ฟื้นขึ้น แต่วินตากลับทุกข์ทรมานด้วยใบหน้าที่ถูกไฟลวก บุญนารีร้องไห้ หมดหนทางเหนี่ยวรั้งพงศ์พญา เพราะในที่สุดก็ต้องคืนลูกชายให้กับวาดจันทร์

ความจริงที่บุญนารีรู้จากญาณทิพย์ของหลวงพ่อปุ่น และพยายามปกปิดมาตลอดคือ ในอดีตชาติของพงศ์พญาและวาดจันทร์ ถือกำเนิดเป็นนาคาสองตัวเป็นคู่กัน แต่นาคตัวผู้ หรือพงศ์พญา เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาในพระธรรมจึงหนีมาบวช นางนาคหรือวาดจันทร์พยายามตามไปด้วยหัวใจร้าวราน จนสุดท้ายถูกนางครุฑซึ่งก็คือวินตา คาบไปเป็นอาหาร นางนาคจึงสิ้นชีพไปพร้อมกับความแค้นในพระพุทธศาสนาที่พรากสามีของนางไปและบุ ญนารีที่เป็นตัวกลางในการพาสามีของนางขึ้นมาเกิด

วาดจันทร์ตื่นขึ้นมา แต่เรี่ยวแรงกลับน้อยลง เพราะไม่เคยสร้างบุญหนุนเนื่องให้กับชีวิต ห่างไกลการทำบุญ เข้าวัดและศาสนา พงศ์พญาคิดว่ามีวิธีเดียวที่จะช่วยคนรักได้คือ การบวช แต่วาดจันทร์รู้เรื่องที่พงศ์พญาอาจจะบวชไม่สึก วาดจันทร์หาทางรั้งพงศ์พญาไม่ให้บวชทุกวิถีทาง แม้ว่าตนเองจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ก็ตาม

บ่วงกรรมที่พันธนาการวาดจันทร์ พงศ์พญา และวินตา จะสลายลงด้วยผลแห่งกุศลอันยิ่งใหญ่จากความตั้งใจของพงศ์พญาได้หรือไม่ ติดตามพบคำตอบได้ใน กาษา นาคา

เรื่องอดีต อนาคต เป็นเรื่องยืดยาว เป็นตัววัฏฏะ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ทำให้หลงอยู่ในวังวน เวียนว่าย ตายเกิด

นักแสดง

รับบทเป็น
วรนุช วงษ์สวรรค์ วาดจันทร์
ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ วินตา
วงศกร ปรมัตถากร พงศ์พญา
สุพจน์ จันทร์เจริญ นรวิชญ์
นพพล โกมารชุน พิสุทธิ์
รุ้งรดา เบญจมาธิกุล อี๋
บริบูรณ์ จันทร์เรือง อู๋
ฐรินดา กรรณสูต วิภาดา
ประกาศิต โบสุวรรณ บุรินทร์
อรัญญา นามวงศ์ บุญนารี รัตนปัญญา
สุเชาว์ พงษ์วิไล นายแพทย์ปรากรม
เมตตา รุ่งรัตน์ ยายสำเนียง
อิทธิฤทธิ์ สิงหรัตน์ หลวงพ่อปุ่น


ที่มา http://www.ch7.com/website/entertain/drama-detail-kasa.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น