...+

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

กราบพระพุทธ ระวังสะดุดทองคำ..

กราบพระพุทธระวังจะสะดุดทองคำ หมายความว่า ระวังจะหลงติดอยู่แค่ทองเหลือง ทองคำ ที่ห่อหุ้มองค์พระอยู่นั้นแทน..

ก ราบที่เห็นองค์พระสวยงาม กราบเพราะยึดถือในความศักดิ์สิทธ์ หาได้เข้าไปถึงเนื้อในของพระไม่..เนื้อในของพระก็คือ...ความสะอาด อันได้แก่ ศีล ความสงบ อันได้แก่ สมาธิ ความสว่างได้แก่ ปัญญา..

เวลากราบพระ ให้น้อมเอาพระคุณทั้งสามของพระพุทธองค์มาใส่เอาไว้ในใจ นั่นก็คือ..
พระปัญญาคุณ เราจะต้องอยู่ด้วยสติปัญญา เรียนรู้ เข้าใจ สิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงของมัน ไม่ไปลุ่มหลงติดอยู่ในความสมมติของมัน..

พระวิสุทธิคุณ เราจะต้องทำใจของเราให้ผ่องใส ไม่ขุ่นมัวด้วยความรู้สึกฝ่ายต่ำ

พ ระมหากรุณาคุณ จะต้องประกอบเมตตาธรรมเอาไว้ในใจของเราเสมอ สงสารเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ในฐานะเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันกับเรา จะไม่ไปเบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบ เข่นฆ่ารังแกเขา..

อย่างนี้จึงจะชื่อว่า กราบพระได้ถูกพระ..

ค นที่ไปกราบพระเพื่ออ้อนวอนขอให้พระช่วยเหลือนั้น เป็นการกราบที่ผิดหลัก พระท่านช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้หรอก แต่เราต้องทำเอง ที่พระจะช่วยเราได้ก็แค่เตือนสติให้แก่เราเท่านั้น ส่วนจะสำเร็จหรือไม่มันขึ้นอยู่กับตัวเราที่จะต้องทำเอาเอง

นี่ถ้าหล วงพ่อในโบสถ์พูดได้ ป่านนี้ท่านคงพูดไปนานแล้วว่า ลูกเอ๊ย หัดช่วยตัวเองบ้างเถอะนะ หลวงพ่อเหนื่อยแล้ว เพราะคนนั้นก็มาขอให้หลวงพ่อช่วย คนนี้ก็มาขอให้หลวงพ่อช่วย จนหลวงพ่อไม่มีเวลาได้พักผ่อน พวกเจ้าหัดช่วยตัวเองเสียบ้าง..

ท่านห ลวงพ่อเคยเล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเดินทางไปเทศน์ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคกลาง ก่อนถึงเวลาเทศน์ท่านจึงได้ไปกราบพระในอุโบสถ เสร็จแล้วก็ถือโอกาสนั่งพักผ่อน สงบจิตอยู่ในโบสถ์นั้น

ครู่หนึ่งมีสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง อายุน่าจะเกินสี่สิบแล้วทั้งคู่ เข้ามากราบพระแล้วอ้อนวอนของลูกจากพระ..

"ถ้าได้ลูกชาย จะให้เขาบวชถวายแก้บนหลวงพ่อ ถ้าได้ลูกสาวจะให้พ่อเขามาบวชแก้บนแทน" ผู้เป็นภรรยาเริ่มบนบาน

" หื้อ! มันไม่ถูกนะเธอ ถ้าจะให้ลูกบวชแก้บนหลวงพ่อ มันก็ต้องให้เขาบวชทั้งลูกสาวลูกชายซี เป็นผู้หญิงก็บวชชีได้นี่นา คุณจะให้ผมบวชแทนลูกได้ไงกันเล่า" ผู้เป็นสามีเริ่มทักท้วง

"เอ๊ะ คุณนี่ เสียสละแค่นี้เพื่อลูกไม่ได้ บวชชีมันได้บุญมากเหมือนบวชพระที่ไหนกันเล่า เรื่องมากจัง" ผู้เป็นภรรยาตะคอกใส่

ต่อจากนั้นก็เป็นบทถกเถียงกันต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบ..

จ นภรรยาบอกว่าอย่าไปเซ้าซี้ท่านมากเดี๋ยวท่านรำคาญ ไม่ประทานลูกให้พอดีกัน โดนภรรยาขู่เข้าเช่นนี้ ฝ่ายสามีก็เลยหงอ เป็นการยอมรับคำติดสินบนพระโดยดุษณี ว่าถ้าได้ลูกสาวแล้วพ่อจะบวชแก้บนแทน..

ท่านหลวงพ่อได้ยินแล้วก็ขำอยู่ในใจ ก็คงเพราะมัวแต่เสียเวลาทะเลาะกันอยู่อย่างนี้หรือเปล่า ถึงยังไม่มีลูกกับเขาสักที..

ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า คนที่แต่งงานแล้วจะมีบุตรได้นั้นขึ้นอยู่กับสามองค์ประกอบดังนี้คือ..

๑.มารดา บิดา ร่วมหลับนอนกัน (มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตาโหนฺติ)
๒.มารดามีประจำเดือน (มาตา จ อุตุนี โหติ)
๓.มีวิญญาณมาปฎิสนธิ (คนฺธพฺโพ จ อุปฎฐิโต โหติ) คำแปลนี้ผู้เขียนตีความเอง ของเดิมท่านแปลไว้ว่ามีสัตว์ในครรภ์มาเกิด)

ถ ้าขาดข้อใดข้อหนึ่งไป คู่สามีภรรยานั้นก็ไม่สามารถจะมีบุตรได้ แล้วคนที่ไปอ้อนวอนขอลูกจากพระนั้น ยังไม่รู้ว่าจะให้พระท่านช่วยโดยวิธีไหน ยังสงสัย?

ย่อความจากหนังสือ ธรรมะอ่านสบาย หลากหลายแง่คิดจากหลวงพ่อปัญญา
ขออนุญาตเผยแพร่เป็นธรรมทาน..

เพิ่มเติมสักนิด..

ข ้าพเจ้าคิดว่า เด็กที่เกิดจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากการผสมเทียมนั้น น่าจะเป็นเหตุผลของการขาดคุณสมบัติในข้อที่สามกระมังคะ เหตุผลที่ไม่ยอมมาปฎิสนธิในครรภ์มารดา แต่ปฎิสนธิจากปฎิกิริยาภายนอก โดยมีครรภ์มารดาเป็นสถานที่เจริญเติบโตเท่านั้น..


ด้วยจิตคารวะ




ที่มา http://weblog.manager.co.th/publichome/myprecious/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น