...+

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

ข้างหลังพ่อ

ถ้าบังเอิญมีใครถามผมว่า 'อะไรใหญ่กว่าผืนมหาสมุทร' ผมคงตอบว่า 'ก็แผ่นหลังของพ่อผมไง'.....แหะ ๆ ๆ

ก่อนที่พ่อของผมจะเข้าเมืองหลวงมาทำงานเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยนั้น ใครเลยจะรู้บ้างว่าช่วงชีวิตวัยรุ่นของพ่อ เคยเป็น 'นักมวย' มาก่อน

ด้วยความที่เคยเป็นนักมวยมานี่เอง จึงทำให้พ่อมี 'แผ่นหลัง' ที่ใหญ่หนา จนบางครั้งผมรู้สึกว่าไม่สามารถเอาใบหน้าของตัวเอง 'เกลือกกลิ้ง' ไปบนแผ่นหลังของพ่อได้ทั่ว

ผมเคยคิดของผมแบบเด็ก ๆ ว่า วันใดเกิดมีสัตว์ประหลาดหรือตัวอะไรก็ตามจะมาจับผมไปกินเป็นอาหาร ถ้าหากผมแอบอยู่ข้างหลังพ่อ ผมต้องปลอดภัยแน่นอน.....เข้ามาเลย เราไม่กลัวเจ้าหรอก อ้ายพวกสัตว์ประหลาด!!



นักมวยผู้หนึ่งพาบุตรชายเข้าไปกินข้าวในตลาด.....

บังเอิญให้ไปเจอคู่อริซึ่งมากับพวกอีกสี่-ห้าคน ลำพังถ้าเจอกันตัวต่อตัว ไหนเลยมันจะกล้าเผชิญหน้ากับเขาผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยที่หมัดหนักที่สุดใน ระแวก.....แต่นี่มันมีพวกมาด้วย กอปรกับวิถีอันธพาลที่ชอบใช้กำลังแบบ 'หมาหมู่'.....

โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง พวกมันกรูเข้ามาหมายทำร้ายนักมวยผู้นั้น นักมวยเองก็ระแวดระวังตัวอยู่แล้ว จึงบอกกับบุตรชายของเขาว่า

"ลูกเอ๋ยจงหลบอยู่ข้างหลังพ่อให้ดี อันธพาลพวกนี้จะไม่มีวันกล้ำกรายมาถึงแม้แต่ปลายเล็บของลูกได้"

เด็กน้อยได้ฟังเช่นนั้น จึงหลบอยู่ด้านหลังของนักมวยผู้บิดา โดยเกาะเอวของเขาเอาไว้แน่น.....ส่วนนักมวยนั้นเล่า เขายืนประจันหน้ากับเหล่าผู้มุ่งร้ายแต่สองมือของเขากลับอ้อมไพล่มาโอบบุตรช ายเอาไว้

เหล่าอันธพาลเมื่อเข้ามาถึงตัวนักมวย ก็รุมประเคนทั้งเข่าทั้งหมัดเข้าใส่เขาอย่างไม่นับ นักมวยได้แต่อาศัยเชิงศิลปะการต่อสู้ของตัวเองหลบหลีกมือเท้าฝ่ายอริมิให้พล าดเลยมาถึงบุตรชายของตน แต่สำหรับตัวเขานั้นต่อให้มีเชิงมวยที่ดีเลิศขนาดไหน ลองว่าทั้งมือทั้งเท้ามาเป็นห่าฝนขนาดนั้นมันก็ต้องมีโดนกันบ้างอย่างน้อยก็ สักตุ้บสองตุ้บ

หลังจากแสดงแสนยานุภาพจนเป็นที่พอใจแล้ว ฝูงอันธพาลก็จากไป(โปรดอย่าสงสัยว่า ทำไมถึงไม่มีการล้มตาย.....เพราะเรื่องเล่าของผมมักไม่ใจร้ายจนเกินไปนัก - ผู้เล่า) ทิ้งไว้แต่รอยบวมปูดตามหน้าตาและเนื้อตัวของนักมวย

เมื่อคู่อริและพรรคพวกของมันจากไปแล้ว นักมวยจึงหันมาถามบุตรชายของตนว่า

"ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า"

"ลูกไม่เป็นอะไรเลยครับพ่อ แต่ตัวพ่อน่ะสิหน้าตาและเนื้อตัวฟกช้ำไปหมดแล้ว"

"นั่นมันเรื่องเล็กน้อยสำหรับนักมวยอย่างพ่อลูกเอ๋ย"

"ก็ในเมื่อพ่อเป็นนักมวยเหตุใดพ่อถึงไม่สู้กับพวกมันเล่า ปล่อยให้มันรุมกันอยู่ได้" เด็กชายกังขา

"พ่อเป็นนักมวยก็แต่บนเวทีลูกเอ๋ย หน้าที่พ่อบนเวทีมวยก็คือต่อสู้ แต่ข้างล่างนี้พ่อเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง หน้าที่ของพ่อตอนอยู่ข้างล่าง ก็คือความพยายามปกป้องลูกจากอันธพาลทั้งหลายต่างหากเล่า"

เมื่อเด็กชายได้ฟังเช่นนั้น เขาจึงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า การหลบอยู่ข้างหลังของนักมวยผู้บิดานั้นช่างปลอดภัยเสียจริง ๆ


พ่อผมเคยบอกว่านักมวยที่ดี จะไม่มีวันใช้เชิงมวยที่ฝึกฝนมากับผู้ใดก็ตามที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้บนสังเวียน .....นี่กระมังจึงเป็นที่มาว่า ทำไมตัวละครตัวนี้ของผมถึงไม่ตอบโต้คู่อรินอกเหนือจากการหลบหลีกและปกป้องตั วเองกับบุตรชาย


ไม่ว่าจะเป็นพ่อของใครก็ตาม ไม่ว่าพ่อผู้นั้นจะเป็นคนธรรมดาสามัญขนาดไหน แต่ผมเชื่อว่าแผ่นหลังของพ่อทุกคนล้วนกว้างพอที่จะปกป้องคุ้มภัยให้กับลูก ๆ ของตน

ยังมีพ่ออีกหลาย ๆ คนที่นอกจากจะปกป้องเพื่อลูกของตัวเองแล้ว เขายังปกป้องเพื่อคนอื่น ๆ อีกมากมาย.....ขอเพียงให้เราแอบอยู่ข้างหลังเขาอย่างวางใจ ว่าจะไม่มีอันตรายใด ๆ มากล้ำกรายเราได้

แด่พ่อทหาร ตำรวจ และข้าราชการทุก ๆ คน ที่ประจันหน้าอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เราอยู่ข้างหลังเขาอย่างปลอดภัย



แต่ถ้าเป็นผม.....ผมจะยอมเจ็บตัวหรือทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้พ่อเหล่านั้นได้ตอบโต้คู่อริบ้าง.....พ่อจะได้ไม่เจ็บตัวอยู่ฝ่ายเดียว

ทีมา http://weblog.manager.co.th/publichome/comenubb/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น