...+

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2550

ร่องรอยของวันวานระหว่างเส้นทางไปกลับ มุกดาหาร- กาฬสินธุ์ ในวันที่เปลี่ยนไป

การเดินทางโดยรถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 สาย 278 ขอนแก่น - มุกดาหาร จากกาฬสินธุ์ ถึง มุกดาหาร ระยะทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง

เส้นทางสายนี้ผ่านบรรยากาศ 2 ข้างทางมากมาย แม้ว่า การเดินทางบนรถโดยสารจะใช้เวลานานก็ตาม แต่ระหว่าง 2 ข้างทาง มีหลายสิ่งหลายอย่างให้มองดูอยู่เสมอ

เริ่มจากกาฬสินธุ์ ถึง อ.สมเด็จ เส้นทางนี้ จะมีผู้โดยสารหนาแน่น ที่จริงแล้ว จะมีผู้โดยสารจากต้นทาง คือขอนแก่นติดรถมาจำนวนหนึ่ง เมื่อมาถึงกาฬสินธุ์จะมีผู้โดยสารเพิ่มเติม และแวะลงระหว่างทางเรื่อยๆ

เส้นทางจากตัวเมืองกาฬสินธุ์ถึง อ.สมเด็จ จะผ่าน ทุ่งนา และหมู่บ้านต่างๆมากมาย บรรยายกาศ 2 ข้างทางจะดูร่มรื่น เขียวครึ้มจากต้นไม้ ใบหญ้ามากกว่า เส้นทางระหว่างขอนแก่นถึงกาฬสินธุ์ ที่จะมีทุ่งนาแห้งแล้ง และมีบ้านเรือนอยู่หนาแน่นกว่า

เส้นทางระหว่างอำเภอสมเด็จ ถึง อ.กุฉินารายณ์ เป็นเส้นทางที่มีผู้โดยสารแวะลงตามทางมากมาย ถือว่าเป็นกลุ่มผู้โดยสารหลักของรถโดยสารสายนี้เลยทีเดียว เพราะเมื่อเลย อ.กุฉินารายณ์ไปแล้ว จำนวนผู้โดยสารบนรถโดยสารค่อนข้างจะโหรงเหรง มีเก้าอี้ว่างมากขึ้น ยิ่งเป็นรถโดยสารเที่ยวสุดท้าย แทบจะไม่มีผู้โดยสารนั่งมาด้วยเลย เส้นทางสายนี้จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นชนบทอย่างแท้จริง



แต่เส้นทางระหว่าง อ.กุฉินารายณ์ถึง จ.มุกดาหาร ระยะทาง 80 กิโลเมตร กลับเป็นเส้นทางที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะผ่านป่า เขา และแหล่งท่องเที่ยว เช่น ถ้ำ น้ำตก วัดที่มีศิลปวัฒนธรรมอีสานเก่าแก่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมากมาย เรียกได้ว่า หากขับรถมาเที่ยวและแวะทุกแหล่งท่องเที่ยวที่ผ่าน คงจะเพลิดเพลินอย่างลืมไม่ลงทีเดียว

ในเดือน เม.ย.2550 การเดินทางโดยรถโดยสารเส้นทางนี้ ร้อนมากๆ ร้อนเพราะอากาศ แดดแรงจัด แอร์บนรถยังเอาไม่อยู่ แต่ทว่าในช่วงเวลาอื่นๆ การเดินทางบนเส้นทางสายนี้ เป็นการเดินทางที่เย็นสบาย หลายคนหลับบนรถอย่างเต็มอิ่ม แต่ในวันเวลานี้ อากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้หลายคนหลับไม่ลง



ถึงมุกดาหาร จะได้สัมผัสกับเมืองชายแดนริมฝั่งโขง เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่แตกต่างจากกาฬสินธุ์อย่างชัดเจน คนจุดตะเกียงได้มีโอกาสไปลิ้มรสชาติอาหารของมุกดาหารหลายอย่าง ตั้งแต่ข้าวเปียก (ก๋วยจั๊บลาว) ก๋วยเตี๋ยว ยันปลาแม่น้ำโขง แต่ในวันเวลานี้ ไม่มีโอกาสได้ไปสัมผัสบรรยากาศเก่าๆมากนัก
อากาศที่ร้อนอบอ้าวท ทำให้การชมวิว 2 ข้างทางไม่ค่อยสุนทรีย์มากนัก เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งรถนานๆมากกว่า

แต่ละสถานที่ที่ผ่าน มีความทรงจำในวันเวลาที่ผ่านมามากมาย ทั้งสถานที่ที่พบเห็นรถคว่ำ , รถเสียหลักลงข้างทาง บ้านทรงไทยหลังสวยๆ , ร้านค้าริมทางที่เคยแวะมาซื้อกาแฟในวันที่มีธุระเร่งด่วน ต้องนั่งรถกระบะมากับรุ่นพี่ในยามดึกเพื่อมาทำงานเอกสารที่มุกดาหาร ด้วยความอ่อนเพลีย และตลาดโต้รุ่งที่สี่แยก อำเภอสมเด็จ ที่มองเห็นร้านข้าวต้มและร้านก๋วยเตี๋ยวที่เคยมานั่งทาน ในช่วงวันเวลาที่รุ่นพี่ขับรถมาส่งคนจุดตะเกียงที่นี่ เพื่อต่อรถกลับกาฬสินธุ์ ซึ่งรุ่นพี่มักจะพาลูกสาววัยประถม มานั่งทานข้าวมันไก่ และพามาซื้อของใช้ และขนมที่ลูกสาวอยากได้ เนื่องจากครอบครัวนี้อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลตัวเมือง




แต่ครอบครัวนี้ ก็มีความสุขทุกครั้ง อย่างพอเพียง

วันนี้ มองเห็นสถานที่ที่เคยมากับรุ่นพี่ในวันวาน แล้วอดยิ้มกับมิตรภาพในวันวานไม่ได้
แม้ในวันนี้ อาจจะไม่มีเวลาที่ได้มาเจอกันเช่นในวันวานก็ตามที
แต่ความมีชีวิตชีวา มิตรภาพ และความทรงจำระหว่างทาง
ก็ทำให้ชีวิตในวันนี้ ได้เติมกำลังใจจากร่องรอยของวันเวลาที่ผ่านมาอีกครั้ง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น