...+

วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2549

คิดไปไกลกว่าตัวคุณเอง

จาก The Book of Goals

เมื่อครั้งที่ผมเป็นจิตแพทย์ใหม่ๆ ผมได้ช่วยเหลือทหารผ่านศึกเวียดนามซึ่งกำลังต่อสู้ดิ้นรนเพียงเพื่อจะมีชีวิตในประเทศซึ่งไม่เข้าใจหรือสนใจว่าเขาเคยผ่านสิ่งเลวร้ายใดมาบ้าง พวกนี้ได้รับบาดเจ็บทางกายและทางจิตใจอย่างสาหัสมาก ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสังคมเท่าใดนัก หลังจากที่ผมได้ทำงานข่วยเหลือพวกทหารผ่านศึกมาระยะหนึ่ง ผมเริ่มมีความคิดว่า มีใครบ้างที่จะออกจากโรงพยาบาลในเวลาอันใกล้นี้ มีใครบ้างที่จะต้องได้รับการบำบัดรักษาที่นั่นต่อไปอีกนาน

เป็นที่น่าสนใจว่า สิ่งที่มำคัญที่สุด ในการกำหนดว่าคนไข้คนใดจะออกจากโรงพยาบาลก่อนนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับอาการรุนแรงของอาการบาดเจ็บของเขา แต่เป็นความสัมพันธ์กับสิ่งอื่นนอกตัวเขา คนไข้บางคน สายสัมพันธ์ของเขาก็คือสมาชิกในครอบครัวที่ต้องการเขา รอเขาอยู่ที่บ้าน หรือเด็กเล็กๆที่ยังไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตัวเอง พ่อแม่ ภรรยาที่รอคอบการกลับมาของเขา นานเหลือเกิน เหตุผลอื่นได้แก่ ศาสนา และเหตุผลอีกประการที่คุณคาดไม่ถึง คือ งาน

คนไข้คนโปรดของผมคนหนึ่ง ชื่อ ชอน ไรรีย์ ซึ่ง กระดูกขาแตกและติดเชื้อระหว่างการบำบัดรักษา เขาอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนและผ่านการบำบัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดูเหมือนว่า เขาคงต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ไปอีกนาน เมื่อผมได้คุ้นเคยและได้เรียนรู้เรื่องราวของเขา ผมจึงเปลี่ยนใจ ผมได้พนันกับพนักงานคนอื่นว่า เขาจะเป็นคนไข้คนแรกที่ได้ออกจากโรงพยาบาล

เหตุใดหรือ ? เพราะว่าเขามีเส้นตายของเขา พ่อของชอนซึ่งอายุมากแล้วมีกิจการผลิตจานแก้วเล็กๆ ซึ่งมีผู้ช่วยเพียงคนเดียว และผู้ช่วยคนนี้จะเกษียณไปในไม่ช้า ถ้าเขาไม่กลับไป พ่อของเขาจะต้องแบกจานแก้วหลายๆจาน ซึ่งมีน้ำหนักมาก และพ่อของเขาคงจะต้องหยุดกิจการไปโดนปริยาย พ่อของเขาคงไม่สามารถดำเนินการจ้างคนนอกมาได้อีก เพราะอายุมากแล้ว ชอนรู้ว่า เขาจะต้องยืนบนขาของเขาให้ได้ เพื่อจะช่วยพ่อของเขาให้รักษากิจการเอาไว้

และเขาก็ทำได้ เพียงไม่กี่เดือนต่อมา หลังจากที่เราเอือมระอากับสภาพของเขา ชอนได้ลองใช้เครื่องหัดเดิน ต่อมาก็ลองใช้ไม้ค้ำ 2 ไม้ ต่อมาก็เหลือเพียงไม้เดียว ในเดือนต่อมา เขาสามารถเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยขาของเขาเอง หลังจากนั้นเพียงอีกไม่กี่อาทิตย์เขาก็ไปทำงานได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น