...+

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2549

5 วิธีกำจัดความฟุ้งซ่าน

วิธีกำจัดความฟุ้งซ่าน
ความคิดที่ฟุ้งซ่านนั้น มันบั่นทอนตัวคุณเองอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะอาจทำให้คุณสับสน จนสติแตก ย้ำคิดย้ำทำจนอาการปวดหัวกำเริบ หรือเครียดจนสิวระเบิดตูมตาม เกิดอาการอ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรง ก็เป็นได้ ถ้าคุณกำลังมีอาการแบบนี้อยู่ ลองนำกลวิธีในการสลัดความคิดที่ไม่เข้าท่า ซึ่งมีผู้รู้เสนอแนะไว้ ไปใช้กันดูนะคะ

ถ้าคุณกำลังคิดว่า "ฉันช่างอ้วน โง่ และน่าเกลียดเสียเหลือเกิน "
คุณมัวแต่คิดให้ร้ายกับตัวคุณเอง คิดซ้ำซากถึงข้อด้อยเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งแม้อาจจะมีส่วนจริงอยู่บ้างก็ตาม แต่คุณก็เสียเวลาไปเปล่าๆ กับความคิดที่ไร้สาระแบบนี้ ลองคุณฝังหัวว่าคุณน่ะแสนจะขี้ริ้วขี้เหร่ อ้วนเป็นพะโล้ คุณก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรให้ดีขึ้นมาได้ แม้แต่การคิดกำจัดน้ำหนักส่วนเกินออกไป เจน เกรียร์ ผู้เขียนเรื่อง How Could You Do This To Me ? Learning To Trust After Betrayal กล่าวว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าตัวคุณน่ะอ้วน โง่ หรือน่าเกลียด คุณควรจะหยุดบ่น หรือหยุดโจมตีตัวเองซะที คุณควรหันมาจัดการน้ำหนักส่วนเกินของตัวเองจะดีกว่า แต่ถ้าคุณคิดว่าตัวเองโง่ ก็ควรหาเวลารับฟังข่าวสารจากสื่อต่างๆ หรือจัดเวลาเพื่ออ่านหนังสือ ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่า ปัญหาของคุณคืออะไร ก็ย่อมผลักดันให้คุณคิดหาหนทางในการแก้ปัญหานั้นได้

ถ้าคุณกำลังคิดว่า "ฉันอาจจะถูกไล่ออก เพราะทำงานไม่เข้าตานาย หรือฉันอาจจะถูกคนรักทิ้งไป"
แม้ว่าบางทีหน้าที่การงานและชีวิตรักของคุณก็มั่นคงดีอยู่ เพียงแค่ คุณโทรหาสุดที่รัก แล้วเขาไม่ติดต่อกลับมา คุณก็หวาดระแวงว่าเขากำลังจีจ๋ากับสาวที่ทำงานของเขาอยู่รึเปล่า เขาคงจะขอเลิกกับคุณแน่ๆ หรือคุณทำงานอย่างหนักกับงานชิ้นใหม่ที่ได้รับมอบหมาย แต่กระนั้นก็เถอะ คุณก็อดคิดไม่ได้ว่า ผลงานของคุณจะเข้าตาเจ้านายรึเปล่า แล้วคุณจะโดนเลย์ออฟไหมเนี่ย คุณอาจฟุ้งซ่านจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน ทั้งๆที่ความจริงแล้ว อาจจะไม่มีใครบอกเขาว่าคุณโทฯมา หรือเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้านายอาจชมเปาะว่า คุณก็เจ๋งเหมือนกันนะ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ความคิดไม่เข้าท่าแบบนี้ เกิดจากการขาดความมั่นใจในตัวเอง หวาดระแวง หรืออาจจะเกิดความขลาดกลัว จึงใช้กลไกเหล่านี้ เพื่อปกป้องตัวเอง แต่บางครั้งความคิดแย่ๆเหล่านี้ ก็บั่นทอนตัวคุณเอง วิธีที่จะปรัปเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าว คุณควรที่จะประเมินดูว่า ถ้าคุณจะถูกเจ้านายไล่ออก คุณสมควรจะถูกไล่ออกรึเปล่า ถ้าความสามารถของคุณไม่ได้มาตรฐานของเจ้านายจริง ก็ต้องหาลู่ทางที่จะเพิ่มศักยภาพ หรือเพิ่มคุณค่าของตัวคุณเอง แต่ถ้าไม่จริง คุณก็ควรจะหยุดความคิดเหล่านี้ได้แล้ว

ถ้าคุณกำลังคิดว่า ทำไมเธอจึงเก่งกว่า สวยกว่า แถมยังมีหนุ่มหล่ออยู่เคียงข้างอีกด้วย
นั่นแสดงว่าคุณกำลังนำตัวคุณเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย และในที่สุดคุณก็อดชิงชังตัวเองเสียไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ก่อนอื่นคุณต้องหยุดเปรียบเทียบกับคนอื่นเสียที แต่ควรประเมินศักยภาพของตัวคุณเอง มองหาจุดเด่น จุดด้อยและยอมรับตัวคุณเองอย่างที่คุณเป็น แล้วคิดหาหนทางที่จะเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง จะแต่งตัวปรุงโฉมอย่างไร ให้ดูดีในสไตล์ของตัวคุณเอง

ถ้าคุณกำลังคิดถึงความผิดพลาดในอดีต และย้ำคิดอยู่ว่าคุณไม่น่าจะทำอย่างนั้นเลย
แทนที่จะนั่งครุ่นคิดเสียใจกับสิ่งที่คุณคิดว่าไม่น่าจะทำลงไป ซึ่งพลอยทำให้คุณอ่อนเปลี้ยเพลียใจ และยิ่งไปตอกย้ำความผิดพลาดของตัวคุณเอง สลัดความคิดที่ไม่เข้าท่าออกไปจากหัวซะ แล้วคิดหาหนทางที่จะแก้ไข ถ้าสามารถทำได้ แอลลา แพทเทอร์สัน แนะนำไว้ในหนังสือ " 1001 Reasons to Think Positive " ว่า แทนที่คุณจะมัวกล่าวโทษตัวเอง ลองมาคิดหาอะไรทำที่สร้างสรรค์กว่าหยิบกระดาษขึ้นมา แล้วจดรายการสำคัญๆสัก 4-5 รายการที่คุณอยากทำลงไป ถ้าคุณทำสำเร็จ คุณก็จะปลื้มกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น ความรู้สึกผิดพลาดครั้งเก่าๆ ก็อาจเจือจางลงไปได้บ้าง

"ฉันไอ จาม เจ็บคอ ใจสั่น ฉันจะเป็นโรคร้ายแรงรึปล่าว "
ถ้าคิดกังวลใจกับอาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อย แล้วคิดไปว่าคุณจะเป็นโรคร้ายแรงด้วยหรือไม่ อาจทำให้คุณรู้สึกซึมเศร้า หดหู่ใจ จนแทบทำอะไรไม่ได้ บางทีความกังวลใจกับเรื่องเล็กๆเหล่านี้ อาจทำให้คุณดูแย่กว่าที่คิด อย่างเช่น ถ้าคุณมีอาการเจ็บหน้าอก แล้วคุณก็คิดว่า กำลังถูกคุกคามด้วยโรคหัวใจ แล้วคุณก็จมอยู่กับความคิดแบบนี้ คุณอาจไม่ได้เป็นโรคหัวใจ แต่คุณมีโอกาสเป็นโรควิตกกังวลเกินเหตุ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ให้คุณถามตัวคุณเองว่า คุณกำลังตีโพยตีพายมากเกินไปรึเปล่า ถ้ายังไม่ได้คำตอบ ลองเลียบๆเคียงๆถามคนใกล้ชิดดู แต่ถ้าคุณกังวลมากๆ ก็ควรไปหาหมอซะ ดีกว่ามัวเสียเวลา กับการคิดไปเอง

1 ความคิดเห็น: