...+

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

บ้านเก่า

0 หนึ่ง 0
ถูกทีเดียว, ดาวเรืองชราได้ราร้าง
มะลิแห้งลอย คว้างกลางลมโหย
เข็มโปรยช่อดอกเฉาช่างเปล่าโปรย
บานไม่รู้โรยก็โรยแล้ว

ชานพักหักพัว ยังฝุ่นผง
แทะชายคา ค้อมลง-ลูกกรงแก้ว
ทิ้งริ้วรอยกะเทาะผนังไว้ทั้งแนว
โดยวันอันลบแวว แล้วลับวัน

ถูกต้อง, ตะเกียงร้าวกับราวรั้ว
คราบ เขม่าหม่นมันทั่วปูนปั้น
เถาไม้เลื้อยเลื้อยคร่ำรางน้ำนั้น
หนามเลื้อยพัน-ระนิ่งชิงช้านี้

ผุพื้นรื้นรา ยังหญ้ารก
คลุม กรอบกระจกตก - กระจกสี
แห่งหน้าต่างปิดตาย ทลายธุลี
ลงแทบเท้า - แทบที่ธรณีประตู

ถึงอย่างนั้น
คงคำยืนยัน ของฉันอยู่
ณ เบื้องการคาดเดา - การเฝ้าดู
เข้ามาสิ มาสู่ฤดูดอกไม้

0 สอง 0
ถูกแล้ว, เธอลัดตัด ลานกว้าง
ขวากคุคมค้าง-ตัดทางให้
ตลอดทางเท้าทอด ตลอดใจ
ละเมียดละมุนในแผลไหม้นั้น

กลับจากความเปรื่อง ปราด - ประกาศสงคราม
ผ่านหมื่นแสนนามของความฝัน
กลับจากความเปลี่ยวเปล่า - ฉวยเงาจันทร์
ผ่านหมื่นแสนพันธะ สัญญา

แก่งแห่งการแยกแปลก เธอแลกเปลี่ยน
ด้วยเดียวดายว่ายเวียนเวียนวนหา
กล่องกลวง-ย่านซื้อขายจ่ายราคา
ด้วยแดงเดือดเลือดทาเต็มตาเธอ

โลกเสนอสดุดีที่แดดับ
กวาดคนเข้ามุมอับกับข้อเสนอ
เขียนเหรียญตรา ชั่วเวลาก็พร่า เบลอ
โลกเรียกคืนเสมอ ที่เธอรับ

ไม่ร้าวรุ่ม
สักซองซึ่งยุงชุม สักมุมอับ
ฉันคือหับห้อง-แดดส่องระยับ
ฉันคือ ห้องหับ-ประดับสายลม

0 สาม 0
ถูกแล้ว,เลาะรั้วเก่า-ก้าวเข้ามา
น้ำตา หยาดหญ้าคาอยู่ปร่าขม
น้ำตา เหือด แห้งคืนดั่งพื้นพรม
อุดมความอ่อนหวาน ผ่านเท้าทอ

กลับสู่เสียงนาฬิกาไม้
แว่วแต่ยามเยาว์ไว้ ไม่เคลื่อนต่อ
ออดแอด เก้าอี้โยก ลมโยกรอ
เหนื่อยยากมากพอก็มาพัก

กลับสู่สายใยนี้ ทีละน้อย
วัยหนุ่มค่อยสอดร้อยค่อยสลัก
สักน้อย-รอย ยิ้ม อิ่มเอมนัก
สักน้อย-ถ้อยทัก จักเฝ้าฟัง

เรียนรู้ความงามของความเดียวดาย
พ้นวนเวียนว่ายเพื่อวายหวัง
เรียนรู้ความงาม ของความลำพัง
ลบเลือนเลือดเกรอะกรัง ทั้งกล่องกลวง

ฉันคือบ้าน
เติมเต็มเพลงผลิบานหรือรานร่วง
ในเศษ ซากกรากใบ ในด่างดวง
ยินเถิดท่วงดนตรีที่เธอคุ้น

0 สี่ 0
ถูกแล้ว, สะพรั่งทั้งมวลล้วนสดใหม่
เชื้อ เชิญเธอสูดไอไว้สดอุ่น
จากแจกันแตกพร้อยด้วยรอยพรุน
จากกลีบเกลื่อน-กรอบกรุ่นด้วยฝุ่นควัน

เฉกเช่นสีสันตรงชั้น หนังสือ
ระไล่-ไล้มือ คือทุ่งสีสัน
สีของโคม,เตียงต้องแสงของวัน,
ตู้คละลายม่านอันกระชั้นลาย

ให้การพานพบ-สงบ เงียบ
ละวางภาพเปรียบเทียบลงเรียบง่าย
ความชื่นสุข-ชุ่มใส ไม่อธิบาย
ความหมายภายใน ไม่เอ่ยนาม

นิ่งเถิด วิญญาณทุรนแต่คนร่ำ
ครุ่นคำตอบ ตรากตรำครุ่นคำถาม
นิ่งที่สุด-หยุดอยู่สักครู่ยาม
ดื่มด่ำความงามของความอ่อน ล้า

เธอพักพิง
ฉันคือความจริงที่จริงกว่า
ทุกฝั่งฟากหยากไย่ได้เยียวยา
ในรูปแขวน-ฝั่งฟ้าก็ทา ทอง

0 ห้า 0
ถูกแล้ว, รอยร้าวปริ-มิเคยเผย
ถ้วยที่เธอละเลย-มีเคยพร่อง
เมฆโปร่งมาปริ่ม เธอลิ้ม ลอง
ละเลียดนวลนุ่มของละอองน้ำค้าง

สัมผัสสภาวะ ขณะชีวิต
ชมชิดขุนเขาใกล้-แม้ไกลห่าง
ชมชัดสีผีเสื้อ-แม้เจือ จาง
เดินเล่น ไม่เว้นว่างระหว่างเวลา

วันพรุ่งหากเธอพรากจากทุกสิ่ง
ฉันยังคงเป็นจริงเสียยิ่งกว่า
ยังคงเป็นใจ-เป็น นัยน์ตา
เป็นเธอ-กลางเกลียวกล้า มหาทะเล

หลับสู่เสียงนาฬิกาไม้
กล่อมยามเยาว์ไว้ ไม่ว้าเหว่
ตื่นจากเก้าอี้โยก ยัง โยกเก
โพล้เพล้หรือย่ำรุ่ง หยาดรุ้งรวง

ฉันคือบ้าน
ผ่านเลยฤดูกาลหรือผ่านล่วง
ในเศษซากรากใบ ในด่างดวง
ยินเถิดท่วงดนตรีที่เธอคุ้น

ประกาย ปรัชญา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น