++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

ของมีค่าในชีวิตคนเรา

คนจีน เชื่อว่า
ภูเขามีความสูง น้ำมีความลึก
ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกัน เหมือนคนแต่ละคนก็มีข้อดีของตัวเอง
ลมมีอิสระของลม
เมฆมีความอ่อนโยนของเมฆ
ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบกัน
คนก็มีบุคลิกของตัวเอง
สิ่งที่เห็นว่าสนุกก็ไปตามหา
สิ่งที่เห็นว่าคุ้มค่าก็ไปเฝ้ารอ
สิ่งที่เห็นว่าเป็นความสุขก็ควรหวงแหนไว้
ปฏิบัติตามจิตได้...ก็ไม่เสียใจในชาตินี้.... ชีวิตคนมี 1 ทางเดินของตัวเอง
แต่มีของมีค่าอยู่ 2 อย่าง สุขภาพกาย สุขภาพจิต ชีวิตคนมี 4 ทุกข์
มองไม่ทะลุ
สละไม่ลง
แพ้ไม่เป็น
ปล่อยวางไม่ได้ คนมีทรัพย์สมบัติอยู่ 6 สิ่ง
ร่างกาย. ความรู้. ความฝัน.
ทัศนคติ. ความเชื่อมั่น.. ความกล้าหาญ ส่งให้เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ คิดถึงใคร ส่งให้คนนั้น!

เคล็ดลับทำให้ไก่นุ่ม หอม อร่อย

สัตว์)เคล็ดลับทำให้ไก่นุ่ม หอม อร่อย นำไก่สด 1 ตัว ทำความสะอาด แช่นมสด 3 กระป๋อง(กระป๋องขนาด160กรัม) ทิ้งไว้ 8-10 ชม. ใช้ประกอบอาหารได้เลย

จาก sms farmerInfo

ประสบการณ์เข้าคอร์สล้างพิษตับ ที่พัทยา 26-28 ก.ย.2557

ประสบการณ์ส่วนหนึ่งในการเข้าคอร์สล้างพิษตับ 26-28 ก.ย.2557

ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ ฟังดูเป็นเรื่องที่น่ากลัวนะ แต่หลายคนที่มาล้างพิษตับแล้ว พบว่า สุขภาพดีขึ้น คนที่มีอาการสุขภาพย่ำแย่ เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่สุดขั้ว กิน นอน พักผ่อน ไม่เป็นเวลา ทำให้สุขภาพร่างกายย่ำแย่ จนเกิดโรคที่คุณทำตัวเอง .. เมื่อเห็นพวกเค้า มาเข้าคอร์สล้างพิษตับ หลายท่านที่ได้พบเห็น ท่านมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น.. มีคนที่ป่วย มีอาการหนัก รักษาโรคในโรงพยาบาลไม่ได้ แต่พอมาลองใช้วิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดอย่างนี้ สามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพได้ทุกท่าน (อาจจะมีบางท่านที่อาการหนัก ก็ต้องทำการฟื้นฟูสุขภาพ ล้างพิษตับหลายครั้งซักหน่อย.

ได้มีประสบการณ์มาเข้าคอร์สล้างพิษตับ ที่พัทยา คอร์สผสมบุญ รุ่นที่ ๘ ในช่วงระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กันยายน ๒๕๕๗ มีศิลปินที่มาร่วมเข้าคอร์สด้วย อาทิ คุณเจี๊ยบ วรรธนา., คุณหมู The voice, ที่ชักชวนเพื่อนๆมาด้วย คุณจีน.ปุถุชน, คุณหว่าง. ซอหวาน.ศิลปินใต้ดิน, คุณปณิธาน นักกวีจากชัยนาท มาร่วมเข้าคอร์สล้างพิษตับในครั้งนี้..

เมื่อเข้าร่วมในกระบวนการตั้งแต่ ๑๔.๓0น. วันที่ ๒๖ ก.ย. เริ่มดื่มน้ำสมุนไพร ดื่มน้ำที่ช่วยขับ ล้างสิ่งสกปรกในร่างกาย คือ น้ำมันมะกอก ผสมน้ำมะนาว 120 มล. กระบวนการทำงานตั้งแต่ ตี2 มาจนถึง 9-10โมงเช้า.ร่างกายจะทำการขับถ่ายสิ่งสกปรก ทั้งไขมัน, เซลล์มะเร็ง, นิ่ว.. ตามสภาพร่างกาย, การทำดีท็อก.และผลของน้ำมันมะกอก.. หลายท่าน มีสิ่งสกปรก ออกมาเป็นจำนวนมาก ..
.หลายท่านก็ออกมาน้อย...แต่ก็ถือว่า เป็นสิ่งที่ดี ที่ได้กำจัดสิ่งเหล่านี้ ออกไปจากร่างกาย...

เช้าวันที่ ๒๘ ก.ย.หลังจากดื่มน้ำมันมะกอก ผสมน้ำมะนาว เพื่อช่วยให้ดื่มง่ายขึ้น แล้วยังทานยามหาโอสถไป 3 เม็ด พอถึงเวลาตี ๕ เข้าห้องน้ำ นั่งในถังพลาสติกที่เตรียมไว้ เพื่อเก็บสิ่งขับถ่ายไปตรวจในช่วง ๑0 โมงเช้า ว่า จะพบอะไรบ้าง ยังไม่ได้ทำดีท็อกซ์เลย แต่ขับถ่าย ค่อยๆไหลออกมาเรื่อยๆ ช่วงแรก นั่งถ่าย ๓0 นาที จนเป็นเหน็บที่ขา ก็ออกมาเดิน พักสัก ๑0 นาที ก็ไปนั่งถ่ายอีก นาน ๔0 นาที สิ่งขับถ่าย ค่อยๆออกมาเรื่อยๆ พอถึง.๖ โมงเช้า ได้ยินเสียงจากห้องน้ำ ชั้นบน ก็แสดงว่า กำลังขับถ่าย ล้างพิษตับแล้ว...

เมื่อขับถ่ายมากๆ ก็รู้สึกเวียนหัว เวียนศรีษะ ต้องดื่มน้ำด่าง กะน้ำสมุนไพรอีกตัว ช่วยลดอาการวิงเวียน ช่วง 9-10 โมง ของเสียมีพิษ ถูกขับออกมาอีก คราวนี้ก็เริ่มสบายท้องขึ้นมาบ้างแล้ว


เพียงได้มาเข้าในกระบวนการล้างพิษตับ.ได้กำจัดสิ่งสกปรก ที่ฝังตัวอยู่ในร่างกายออกไปได้ แค่นี้ก็มีผลดีต่อสุขภาพแล้ว ขอบคุณ คอร์สผสมบุญ รุ่นที่ ๘ คอร์สล้างพิษตับที่พัทยา by K. Saranya

ความจริงเรื่องมะเร็ง

ความจริงเรื่องมะเร็ง (ยาวก็ควรอ่าน)

เพื่อนจาก รพ จุฬาส่งมาให้ น่าสนใจนะ Shafin de Zane presents: What is Cancer? Awaken to new reality - RedefineYourReality.com http://www.youtube.com/watch?v=P_OHAtVzeB0 นี่คือสิ่งที่คุณไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า จะมีผู้ใดกล่าวว่า - มะเร็ง คือ ธรรมชาติ (Cancer is Natural) มะเร็ง คือ ธรรมชาติของวิวัฒนาการของเซลล์ในร่างกายคนเรา น่าแปลกใจไหมครับ ? ขออนุญาตให้ผมได้อธิบาย หน่อย.... ไม่กี่วันมานี้ ในขณะที่ผมกำลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ ผมพบสาระสำคัญ คือ การปรับตัว (adaptation) เมื่อเซลล์ในร่างกายของเราผ่าเหล่า (mutate) ไปเพราะสภาพแวดล้อมที่ เปลี่ยนไป เพื่อทำให้เราสามารถปรับตัวไปตามเปลี่ยนแปลงนั้นได้ เราเรียกการปรับเปลี่ยนนั้นว่า - การปรับตัว (adaptation) หากผมของเรายาวขึ้น เพื่อตอบสนองต่ออากาศหนาวจัด - นั่นก็คือการปรับตัว หากเซลล์ผมของเราหยุดยาว เพื่อตอบสนองต่ออากาศร้อน - นั้่นก็คือการปรับตัว เมื่อเราปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้สำเร็จ วิวัฒนาการจึงเกิดขึ้น เป็นเหตุ-เป็นผลไหมครับ ? อีกครั้งนะครับ - เซลล-ผ่าเหล่าไป-เพื่อปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป มันเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ มะเร็ง คือ กลุ่มของเซลล์ที่ผ่าเหล่าไป เพราะสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็น ธรรมชาติ-อันเนื่องมาจากการที่เลือดของเรากลายเป็นพิษเกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิตต่อไปได้ ถ้าหากเซลล์เหล่านั้นไม่ผ่า เหล่าไป เซลล์เหล่านั้นจะป่วยและตาย เซลล์เหล่านั้นจึงตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการผ่า เหล่า เพราะเซลล์ในร่างกายมนุษย์มีความสามารถที่จะปรับตัวเพื่อ รับมือกับการเปลี่ยนแปลง การปรับตัวของเซลล์จึงเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เป็นที่น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย-คีโม หรือการทำลายเซลล์มะเร็ง ด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็งจึงผ่าเหล่า ตั้งแต่แรก ? อย่างไรก็ตาม-เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมากก็จะผ่า เหล่า-ต่อไปอีก-ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุที่เราพบเห็น ผู้ป่วยมะเร็งถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุดลงไปใหม่อีก จากมุมมองของเซลล์ หากมันไม่ผ่าเหล่า-มันจะต้องตาย การผ่าเหล่าของเซลล์จึง เป็นธรรมชาติ มะเร็ง แท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการของกลุ่มเซลล์ที่พยายามรอดตายจากสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้นลงเอยด้วยการ-ฆ่าร่างกาย แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่แท้จริง มะเร็ง คือ วิวัฒนาการของกลุ่มเซลล์ที่พยายามจะรอดตายในสภาพ แวดล้อมที่เป็นพิษอย่างสูง เราต้องพยายามทำความ เข้าใจในประเด็นนี้ให้ชัดเจน การพยายามฆ่าเซลล์เหล่านั้น-โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เปรียบได้กับการฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายามเอา ขยะออกไป เอาละ คุณจะลงมืออย่างฉับพลัน-เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อม ของคุณอย่างรวดเร็วได้ อย่างไร มีวิธีการง่ายๆด้วยกัน 3 วิธี คือ: 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ สิ่งแรกที่กระตุ้นให้เซลล์ผ่าเหล่าและกลายเป็นเซลล์มะเร็ง คือ การขาดออกซิเจน เซลล์มะเร็งปรับตัวเพื่อรอดชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มี ระดับออกซิเจนต่ำ ยิ่งมีออกซิเจนต่ำเท่าไร เซลล์มะเร็งก็ยิ่งเติบโตได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือวิวัฒนาการของเซลล์ที่ปกติซึ่งต้องการจะรอดชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่มีระดับออกซิเจนต่ำ - วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการออกกำลังง่ายๆที่ทำได้ทุกเช้าเพื่อเพิ่มระดับ ออกซิเจนให้กับเลือด เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ หายใจเข้า 4 ครั้ง ติดกัน กลั้นหายใจแล้วนับ 1 ถึง 4 หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน ทำอย่างนี้ครับ >> 1-2-3-4 << ทำอีกครั้งครับ >> 1-2-3-4 << ผมหายใจเข้าทางจมูก >> กลั้นใจแล้วนับ 1-2-3-4 หายใจออกทางปาก << หายใจเข้าไปในท้อง ไม่ใช่หายใจเข้าไปในอก นี่คือวิธีการหายใจที่ถูกต้อง ถ้าหากไม่มีที่เดิน ให้เดินในห้องนอนของคุณ เพราะมันมีที่พอสำหรับ การออกกำลังของเราทุกวิธี วิธีที่ 2 หยุดรับประทาน-กรด สิ่งที่สองที่มากระตุ้นเซลล์ให้ผ่าเหล่ากลายเป็นเซลล์มะเร็ง คือ สภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เพราะนั่นคือการตอบสนองที่จะทำให้เซลล์รอดชีวิตได้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เซลล์ที่ผ่าเหล่าจะตายในสภาพแวดล้อมที่เป็นด่าง และเติบโตในสภาพ แวดล้อมที่เป็นกรด คุณจะทำให้ร่างกายของคุณ เป็นด่างได้ ก็ด้วยการรับประทาน อาหารที่เป็นด่างมากขึ้น น้ำผัก น้ำผลไม้ มีประสิทธิภาพสูงมาก งดน้ำตาล โคคา-โคล่า เปปซึ่ และน้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์ รับประทานผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ำด่าง และน้ำมะพร้าว หากคุณต้องการเห็นการ เปลี่ยนแปลงของสุขภาพอย่างน่าอัศจรรย์ในระยะเวลาอันสั้น ดื่มน้ำผักสดปั่นทุกเช้า โดยไม่ต้องรับประทานอะไรอีกเลย จนกว่าจะถึงมื้อเที่ยง-นำผักใบเขียวหลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ำสะอาดแล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้ายและออกจะ อร่อยด้วยซ้ำไปเมื่อคุณ คุ้นเคยกับมัน วิธีที่ 3 ดูแลร่างกายของคุณ ความเครียด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ความเครียด คือ ฆาตกรเบอร์หนึ่ง และเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดโรค-ทุกโรค ความเครียด เพิ่มกรดและส่งผลกระทบต่อ ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกาย มันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เราจะต้องทำจิตใจให้แข็งแรงเบิกบานอยู่เสมอ คุณจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ? ทำสมาธิ ดูหนังตลก ละเว้นจากการดูข่าวร้าย และเรื่องเลวร้าย อ่านหนังสือดีๆที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ หาสัตว์มาเลี้ยง พบเพื่อนใหม่ๆ สัมพันธภาพใหม่ๆ ปลดความทุกข์ความสลดใจ เก่าๆและสิ่งเลวร้ายต่างๆที่ผ่าน ไปแล้ว และแชร์ข้อมูลนี้ให้กับผู้อื่นต่อไปให้มากที่สุดที่คุณจะทำได้ ความเจ็บปวด และ ความเสียหาย ที่เกิดจากการบำบัดด้วยคีโม เลยเถิดไปอย่างเหนือ คำบรรยาย ช่วยให้ผู้อื่นตื่นจากฝันร้ายที่เกิดจากโฆษณาชวนเชื่อของผู้ผลิตยากันเสียที การป้องกันและรักษาตนเองให้หายจากมะเร็งเป็นสิ่งที่ง่ายดายเสียจนแทบจะเป็นเรื่องตลกอย่างเหลือเชื่อ ใช้ความคิดให้ถูกต้อง จงเปลี่ยนน้ำในบ่อปลาเมื่อปลาป่วย เพราะการทำลายบ่อปลา ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง มาช่วยกันทำให้โลกของเราในวันนี้-น่าอยู่ขึ้น Shafin de Zane - บรรยาย (ภาษาอังกฤษ) http://www.youtube.com/watch?v=P_OHAtVzeB0 ดร.ชนิสาื อรรถจินดา - แปล Chanisa Arthachinda, Ph.D.

วิธีรักษาแผลพุพอง

พืช)วิธีรักษาแผลพุพอง ตัดว่านหางจระเข้ให้ถึงปลายโคน ล้างน้ำให้ยางสีเหลืองหมดไป ปอกเปลือกออกให้เหลือวุ้นใสๆ ทาแผลวันละ 2 ครั้ง จนกว่าจะหาย

จาก sms farmerInfo

ชีวิตไม่ยาก ถ้าตั้งโจทย์ง่าย : ดร.วรภัทร

เคยได้ยินชื่อ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ไหมครับ

เขาเคยเป็นวิศวกรขององค์การอวกาศนาซา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเกือบ ๒๐ ปีก่อน

เคยได้รับรางวัลวิจัยที่ดีที่สุดระดับโลกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอพ่น

ตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ ๑.อยากดูแลพ่อแม่ ๒.ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา ๓.อยากเที่ยว และ ๔.ชอบกินอาหารอร่อย

เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง

ผมประทับใจบนสัมภาษณ์ของ ดร.วรภัทร ใน "เสาร์สวัสดี" ของ "กรุงเทพธุรกิจ" เมื่อประมาณ ๑ - ๒ เดือนก่อนมาก



คนอะไรก็ไม่รู้ ชีวิตมันส์เป็นบ้า

ความคิดก็กวนเหลือหลาย

ตอนที่เขาเป็นอาจารย์ วิธีการสอนหนังสือของเขาแปลกกว่าคนอื่น

"ผมออกนอกกรอบตลอดเวลา" เขาบอก

เขาเคยพาเด็กวิศวะไปริมสระว่ายน้ำ เรียนไปและดูนิสิตสาว ๆ ว่ายน้ำไปด้วย

คาดว่าคงไปเรียนเรื่อง "คลื่น"

ระหว่างท่าฟรีสไตล์ กับท่าผีเสื้อ คลื่นที่เกิดขึ้นของท่าไหนถี่กว่ากัน

ระหว่างชุดทูพีชกับวันพีช แรงเสียดทานกับน้ำ ชุดไหนมากกว่ากัน

แนวการศึกษาน่าจะออกไปทำนองนี้

แต่ที่ชอบที่สุด คือ ตอนที่เขาออกข้อสอบ

ข้อสอบของเขาสั้นและกระชับมาก

"จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย"

โหย...เด็กวิดวะอึ้งกันทั้งห้อง

คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์แบบง่าย ๆ เช่น ปั้นจั่นมีกี่ชนิด

ผลปรากฎว่าได้ศูนย์กันทั้งห้อง เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นที่ลึกซึ้งสมกับที่เรียนมาทั้งเทอม



เหตุผลที่ ดร.วรภัทร ออกข้อสอบด้วยการให้นิสิตออกข้อสอบเองเป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก

"ชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหาโจทย์มาเอง คิดแล้วทำ ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะปรับให้"

เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบทุกอย่างมาป้อนให้ ไม่รู้จักคิดเอง

"ถ้ารอและตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง" แต่พวกคุณแย่กว่า เพราะเป็นแค่ลูกอีแร้ง คือ รออาหารที่คนอื่นป้อนให้

โหย...เจ็บ


ผมเชื่อมานานแล้วว่า ชีวิตของคนเราเป็นข้อสอบอัตนัย ที่ต้องตั้งโจทย์เอง และตอบเอง

ไม่ใช่ข้อสอบปรนัยที่คนตั้งโจทย์ และมีคำตอบเป็นทางเลือก

ก-ข-ค-ง

ถ้าใครที่คุ้นกับ "ชีวิตปรนัย" ที่มีคนตั้งโจทย์ให้ และเสนอทางเลือก ๑-๒-๓-๔

คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา

ติดกับ "กรอบ" ที่คนอื่นสร้างให้

ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิดและตั้งคำถามเอง

เรื่องการตั้งคำถามกับชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก

อย่าลืมว่าเพราะมี "คำถาม" จึงมี "คำตอบ"

เมื่อมี "คำตอบ" เราจึงเลือกเดิน


พูดถึงเรื่องการตั้งคำถาม ผมนึกถึง "โสเครติส"

เขาเป็นนักปรัชญาเอกของโลก ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการสนทนา

ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบ สร้างองค์ความรู้จาก "คำถาม"

กลยุทธ์ของ "โสเครติส" ในการสอนคือไม่ให้ความเห็นใด ๆ แก่นักเรียน และทำลายความมั่นใจของนักเรียนที่เชื่อว่าตนเองรู้

"โสเครติส" เชื่อว่าเมื่อเด็กตระหนักใน "ความไม่รู้" ของตนเอง เขาจะเริ่มต้นแสวงหา "ความรู้"

แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี "ความรู้" เขาก็จะไม่แสวงหา "ความรู้"

การตั้งคำถามของโสเครติสจึงมีเป้าหมายโจมตีและทำลายความเชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน

เป็นกลยุทธ์เท "น้ำ" ให้หมดจากแก้ว

เมื่อแก้วไม่มีน้ำแล้วจึงเริ่มให้เขาเท "น้ำ" ใหม่ใส่แก้วด้วยมือของเขาเอง

"น้ำ" ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเองมาจาก "คำตอบ" ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง

"คำตอบ" จาก "คำถาม" ของ "โสเครติส"

"โสเครติส" นิยามศัพท์คำว่า "คนฉลาด" และ "คนโง่" ได้อย่างน่าสนใจ

"คนฉลาด" ในมุมมองของ "โสเครติส" นั้นไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง

แต่ "คนฉลาด" คือ คนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้

ส่วน "คนโง่" นั้น คือ คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ แต่ทำตัวราวเป็นผู้รู้

ไม่น่าเชื่อว่า ก่อนหน้านี้ ผมยังมีความภาคภูมิใจใน "ความรู้" ของตนเอง

แต่พออ่านถึงบรรทัดนี้ ทำไมผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย

แฮ่ม...


ตลอดเวลาผมก็พยายามบอกคนอื่นอยู่เสมอว่า ผมน่าจะถือว่าเป็นคนที่ "คิดนอกกรอบ" คนหนึ่ง

เพราะตอนเด็กเรียนวิชาวาดเขียนก็ยังระบายสีออกนอกกรอบเป็นประจำ

กินข้าวก็ชอบหกเละนอกจาน

เพราะฉะนั้น ผมจึงน่าจะเป็นคนที่คิดนอกกรอบอย่างแน่นอน

แต่ผมไม่รู้ที่มาที่ชัดเจน

จนกระทั่งวันหนึ่งผมไปงานศพพ่อ "ตั้ม" เพื่อนสมัยเรียนที่ธรรมศาสตร์ ผมจึงรู้ "ที่มา"

วันนั้นแม้จะเป็นงานโศกเศร้า แต่เพื่อที่ไม่เจอกันมานานมาเจอกันก็ทักทายกันเสียงดังลั่น

หยอกกัน อำกัน แบบไม่สนใจว่า ใครตำแหน่งหน้าที่สูงส่งขนาดไหน

เพื่อนก็คือเพื่อน

"พ่อเพื่อน" ก็ยังเป็น "ชื่อเล่น" ของเพื่อนเราเหมือนเดิม

หลังจากเรานัดกันไปคุยกันต่อที่ร้านอาหาร ผมติดรถของ "จูน" ไปที่ร้านพร้อมกับลูกชายของ "เอื้อย"

ส่วนลูกสาวของ "จูน" ไปนั่งรถ "เอื้อย"

ผมเพิ่งรู้ว่า "จูน" คุ้นเคยกับอาจารย์วรภัทรเป็นอย่างดี

เคยไปศึกษาธรรมะที่ป่าช้ามาด้วยกัน

คุยกันเรื่องอาจารย์วรภัทรพักหนึ่ง ก็กลับมาคุยกันเรื่องอดีต

"ตอนเป็นนักศึกษา เธอสกปรกมาก"

"เฮ้ย" ผมแหกปากทำท่าไม่พอใจทันที

"จริง ๆ" จูนยืนยัน

"เท้าก็ดำ"

"ก็ใส่รองเท้าแตะ เตะบอลทุกวัน เท้าก็ต้องดำเป็นธรรมดา" ผมเถียง

"โหน่งก็เตะบอล ใส่รองเท้าแตะ แต่เท่าไม่เห็นดำเลย"

ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงจะช่างสังเกตขนาดนี้

"เสื้อผ้าก็ไม่ซัก" จูนยังไม่หยุด

"เป็นบางวันนนน..." ผมลากเสียงสู้ เพราะใส่ซ้ำแค่ตอนนอนค้างมหาวิทยาลัย หรือไปค้างบ้านเพื่อนเท่านั้น

อาทิตย์นึงก็แค่ ๔ - ๕ วัน

"แต่เธอดีที่เป็นคนกล้าคิดนอกกรอบ" จูนเปลี่ยนทิศทางเป็นคำชมแบบน่าประหลาดใจ

ผมยังไม่ทันเอ่ยปากขอบคุณ "จูน" ก็ถล่มซ้ำอีกครั้ง

เป็นการเฉลย "ที่มา" ที่ผมสงสัยมานาน

"เธอเป็นคนไม่มีกรอบ เพราะเธอไม่เคยเข้าเรียน"

♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
ที่มา : หนังสือ ชีวิตไม่ยากถ้าตั้งโจทย์ง่าย

หลวงปู่มั่น สอนเรื่องการกินเจ

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สอนเรื่องการกินเจ

"คนเรามันไม่ได้วิเศษเพราะการกินผักกินเนื้อนะ แต่มันวิเศษด้วยการกินเพราะการพินิจพิจารณาโดยแยบคาย อันผักหญ้าเนื้อนั้นมันไม่ได้รู้เรื่องดี เรื่องชั่ว เหมือนคนเรา จิตเราดอก
พระธรรมคำสอนแง่หนักเบาต่างหาก ที่เรานำมาพินิจพิจารณา แล้วนำมาสอนตนจะทำให้เราดีขึ้นได้ เรื่องกิน อยู่หลับนอน อะไร ๆ พระพุทธเจ้าพระองค์ก็ทรงบัญญัติไว้หมดแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกับกินเจไม่กินเจ กินเนื้อ ไม่กินผัก กินแต่ผักไม่กินเนื้อ อันไหนกินได้ ฉันได้ ท่านก็บัญญัติไว้หมดแล้ว
ถ้าท่านคิดว่าการกินแต่ผักทำให้ท่านเลิศเลย เป็นผู้วิเศษขึ้นมาได้ อันนี้ผมก็สุดปัญญาที่จะสอนท่าน ถ้าการกินแต่ผักอย่างท่านว่า เป็นผู้บริสุทธิ์สิ้นกิเลส จบพรหมจรรย์ได้ มนุษย์ไม่ได้สิ้นกิเลสหรอก วัวควายเป็นต้นนั่นแหละมันจะสิ้นก่อน เพราะมันไม่ได้กินเนื้อ มันกินแต่ผักแต่หญ้า เต็มปากเต็มพุง มันกินแต่ผักแต่หญ้า ทำไมลูกมันถึงเต็มท้องไร่ทุ่งนา
ถ้าการกินแบบท่านว่าเป็นของเลิศ วัวควายมันเลิศก่อนแล้ว เพราะมันเกิดมามันก็กินแล้ว โดยไม่ต้องมีใครคอยสอน ถึงท่านกินยังไง มันก็ไม่เท่าวัวเท่าควายกินหรอก เพราะวัวควายมันปฏิเสธเนื้อโดยประการทั้งปวง กินแต่ผักแต่หญ้า
ถ้าจะกินเจ ฉันเจ กินผักไม่กินเนื้อ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่การไปหาตำหนิคนโน้นคนนี้ ว่ากินเนื้อเป็นเปรตเป็นผี มันไม่สมควร แล้วก็มาหลงตน ยกยอตนว่าเป็นผู้ประเสริฐกว่าคนอื่นเขา ท่านดูใจของท่านเองก็ได้นี่ ว่ามันประเสริฐตรงไหนหรือยัง ถ้ายังไม่ประเสริฐให้รีบแก้ ราคะ โทสะ โมหะ ที่เผาหัวอยู่นั่นล่ะ มันเป็นสิ่งที่ท่านต้องแก้เสียโดยเร็วพลัน ไม่ใช่วัน ๆ เที่ยวแต่ชวนหาคนมากินผัก ไอ้ผักนั้นผมก็กิน
คนเรามันประเสริฐเลิศได้ด้วยความประพฤติ มิใช่เพราะการกิน ส่วนเรื่องการกินเป็นเรื่องรอง ๆ อย่าเอามาเป็นเรื่องเอก ท่านจะกินก็กินเถอะเจ ผักของท่านนั้น ผมไม่เอาด้วยหรอก"
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เทศน์แก่พระอาจารย์อุ่น กลฺยาณธมฺโม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่าน เมื่อท่านพูดจบลง คณะญาติโยมที่มาด้วยเงียบกริบ มองตากันปริบ ๆ ไม่มีใครกล้าพูดกล้าแสดงอะไรอีก บางคนคงจะรู้สึกว่า เหมือนฟ้ามันผ่าลงที่กบาลฤดูแล้ง บางคนก็คงจะเห็นเหตุผล ที่ท่านแสดงอย่างคมคาย แต่สำหรับบางคนที่จิตใจไม่ยอมรับความาจริง ก็ถือว่าเป็นกรรมของสัตว์ไป
ที่มา : จากประวัติ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง....

วิธีแก้แพะท้องอืด

สัตว์)เทคนิคง่ายๆ ในการดูแลรักษาเบื้องต้นกรณีแพะมีอาการท้องอืด ให้นำยาธาตุน้ำแดงปริมาณ 50 ซีซี. กรอกให้แพะกิน แพะก็จะอาการดีขึ้น

จาก sms farmerInfo

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ร่วมใจกราบนอบน้อม พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราชกัน...

ร่วมใจกราบนอบน้อม พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราชกัน...

(ร่าย)
ครั้งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จเข้าปรินิพพาน ณ สาลวโนทยานโกสินารา ล่วงเจ็ดราตรีผ่านพ้น ไพร่พลพราหมณ์กษัตริย์ เนืองแน่นขนัดคับคั่ง มาคอยฟังข่าวยังกรุงกุสินารา ว่าท้าวเธอมัลลกษัตริย์ จะจัดแจงประการไฉน ในส่วนพระบรมสารีริกธาตุ จวนเกิดการวิวาทชิงแย่ง โฑณพราหมณ์ชี้แจงแถลงไข ให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุเป็นแปดส่วน เพื่อประโยชน์ถ้วนทั่วทุกทิศ นำไปประดิษฐานในพระสถูปเจดีย์ กาลนั้นยังมีพระเหมเถระเจ้า ได้เข้าญาณสมาบัติ ทราบชัดว่าในอนาคตกาล ศาสนจักรจะกล่าวขานทั่วชมพูแคว้น แล้วเคลื่อนย้ายไปยังแดนสุวรรณทวีป จึงอัญเชิญดวงประทีปคือทันตธาตุ ถวายเมืองกลิงคราษฎร์เป็นมิ่งขวัญ ประดิษฐานและเคลื่อนย้ายผ่านเดือนปี จนไปยังเมืองทันทบุรีนคร

พุทธศักราชแปดร้อยห้าสิบสอง กองทัพทันทบุรีทำศึกใหญ่ อริร้ายต้องการทำลายพระทันตธาตุ ท้าวโคสีหราชออกพระบัญชา สั่งเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลา แลเจ้าฟ้าชายทนทกุมารราชบุตร ให้รีบรุดนำพระธาตุไปยังกรุงลงกา อย่าให้ตกไปยังมือพวกทมิฬปัจจามิตรเป็นอันขาด แล้วจึงประกาศทำยุทธหัตถี สิ้นศึกทันทบุรีจำพ่าย เจ้าฟ้าหญิงเจ้าฟ้าชายเล็ดลอดหนีจากเมืองท่าใหญ่ โดยสารเรือสำเภาใช้ใบข้ามมหาสมุทร(อ่าวเบงกอล) รอนแรมข้ามทะเลลึกหลายทิวาราตรี ข้ามนทีจวนถึงเกาะลังกา เกิดฝนฟ้าคะนองครั้งใหญ่ พัดพาเรือสำเภาใบจนอัปปาง เหลือเพียงสำเภาเล็กช่วยเดินทางสององค์ขัตติยะราช ซึ่งได้อัญเชิญพระบรมธาตุไว้เหนือเศียรเกล้า เรือลอยล่องเข้าหมู่เกาะอันดามัน จนถึงฝั่งตะวันตกของสุวรรณภูมิ ณ เมืองตะโกลา(อำเภอตะกั่วป่าเดี๋ยวนี้) ดั้นด้นมาจนถึงหาดทรายแก้ว อัญเชิญพระธาตุลงแล้วรอคอยเรือไปยังลังกา เพลานั้นพระอรหันตเถระ ชื่อพระมหาเถรพรหมเทพ เสด็จมาโดยฤทธิ์วิเศษเพื่อสักการะบูชา องค์พระศาสดาบรมสารีริกธาตุ สองขัตติยราชนมัสการพระคุณเจ้า นอบน้อมเล่าเรื่องราวเป็นมา พระมหาเถระเมตตาทำนาย ว่าภายหน้าราวสองร้อยปีเศษ พระจอมอิศเรศศรีธรรมาโศกราช จะเสด็จมา ณ หาดทรายแก้ว แล้วจะทรงสร้างพระเจดีย์สูง ๑๗ วา ไว้สักการะบูชาพระบรมธาตุ ครั้นสองขัตติยราชไปถึงเมืองลังกา จึ่งนำพระทันตธาตุเบื้องขวาถวายพระเจ้ากรุงไกร ส่วนพระทันตธาตุเบื้องซ้าย นำมาประดิษฐานไว้ยังหาดทรายแก้ว สุวรรณภูมิ

พุทธศักราชพันสามร้อยปีผ่าน จำเนียรกาลเปลี่ยนภูมินทร์ ราชาแผ่นดินคือพระยาศรีธรรมโศกราช อพยพผู้คนมายังหาดทรายแก้ว วางผังเมืองแล้วทราบคำทำนาย ตั้งพระราชหฤทัยสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ภายในเมืองชื่อ”นครศรีธรรมราช” ประดิษฐานพระบรมธาตุตามแบบมหายาน งามตระการด้วยศิลปะศรีวิชัย ประชาชนเลื่อมใสและศรัทธาเป็นอันมาก พุทธธรรมตั้งรากมั่นคงรุ่งเรือง ชาวเมืองตั้งมั่นในบวรพุทธศาสนา เป็นศูนย์รวมศรัทธาจนถึงกาลปัจจุบัน

ผู้แต่ง : วิลาศินี
ที่มา : http://www.larndham.net/

เด็กไม่ทานข้าว



แม่พาลูกมาตรวจเนื่องจากลูกไม่ยอมทานข้าว แต่ทานนมและน้ำ เป็นมา2 วัน แต่ลูกก็เล่นดี แม่กังวลมาก วันนี้พามาหาหมอ ... หมอตรวจแล้วเด็กปกติทุกอย่าง ยิ้มแย้มแจ่มใส ...

....ถือโอกาส เอาความรู้เมื่อลูกทานข้าวน้อยมาฝากแม่และย่ายายทั้งหลาย จากบทความของคุณหมอผศ.นพ.ชาตรี วิฑูรชาติ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลครับ

**
“คุณหมอคะ ลูกไม่ค่อยกินข้าว จะทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง ”

ปัญหา “ลูกไม่กินข้าว” เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กวัย 1 - 7 ปี เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนจะต้องเคยพบปัญหานี้แน่นอน เพียงแต่ระยะเวลา ความยาวนานของปัญหา และความรุนแรงอาจต่างกันไป
จากการศึกษาของ พญ.วรุณา กลกิจโกวินท์ พบว่าแม่ที่มีลูกวัย 1- 3 ปี รายงานว่าลกมีปัญหาการกินร้อยละ 35.3 ส่วนวัย 3 - 5 ปี มีปัญหาร้อยละ 40.6 ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาในต่างประเทศที่พบว่าปัญหาการกินของเด็กช่วงอายุ 4 ปี มีถึงร้อยละ 42

ทำไมลูกไม่กินข้าว

สาเหตุหลักของการที่ลูกไม่กินข้าวนั้น เริ่มต้นจาก “ความวิตกกังวลมากเกินไปของผู้ปกครองว่าลูกอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ” ซึ่งความวิตกกังวลนี้เกิดจาก “ความไม่รู้หรือเข้าใจผิด” เป็นเหตุสำคัญ อันนำมาสู่การแก้ไขที่ผิดๆ ส่งผลให้ปัญหารุนแรงยิ่งขึ้น
ความไม่รู้หรือเข้าใจผิดของผู้ปกครองเกี่ยวกับเรื่องกินและน้ำหนักตัวของลูก ได้แก่
1. เข้าใจผิดว่าเด็กอ้วนเป็นเด็กแข็งแรง พ่อแม่จำนวนมากมีค่านิยมที่ผิด มองว่าเด็กอ้วน (จนเกินเกณฑ์น้ำหนักปกติ) เป็นเด็กแข็งแรง และน่ารัก ทำให้มองเด็กที่น้ำหนักปกติว่าเป็นเด็กผอมเกินไปและพยายามยัดเยียดเรื่องกินมากขึ้น
2. เข้าใจผิดว่าลูกน้ำหนักน้อยเกินไป ทั้งๆ ที่น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นในชั้นเดียวกันที่มีน้ำหนักเกิน ซึ่งในปัจจุบันมีเด็กอ้วนในบ้านเราอยู่ถึงร้อยละ 15 – 20
3. ไม่รู้ว่าเด็กหลังอายุ 1 ขวบ จะสนใจการกินน้อยลง ธรรมชาติเด็กอายุขวบปีแรกจะกินเก่งเพราะเป็นช่วงที่เติบโตเร็ว เด็กจะมีน้ำหนักเพิ่มถึง 3 เท่าตัว คือ น้ำหนักแรกเกิดประมาณ 3 กิโลกรัม จะเพิ่มเป็น 9 กิโลกรัม เมื่ออายุ 1 ขวบ จึงมีความต้องการสารอาหารมากตามธรรมชาติและหิวบ่อย กินเก่ง แต่เมื่ออายุ 1 ปี จนถึง 10 ปี จะมีน้ำหนักขึ้นเฉลี่ยปีละ 2 กิโลกรัมเท่านั้น ร่างกายต้องการสารอาหารน้อยลงเมื่อเทียบกับปีแรกเด็กจึงมีความกระตือรือร้นเรื่องกินลดลง
4. ไม่รู้ว่าลูกควรกินอาหารปริมาณเท่าใดในแต่ละวัน ปริมาณอาหารที่พ่อแม่คาดหวังว่าลูกควรจะกินมักจะมากเกินความจริง จากการศึกษาวิจัยพบว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จะตักอาหารให้ลูกปริมาณมากกว่าที่ร่างกายของลูกต้องการจริงๆ เมื่อเด็กกินไม่หมด ทำให้พ่อแม่กังวลและพยายามยัดเยียด
5. ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องปกติที่เด็กอาจกินน้อยเป็นบางมื้อหรือบางวัน เด็กคนเดียวกันความต้องการอาหารแต่ละวันไม่เหมือนกัน บางวันเด็กอาจกินมาก บางวันอาจกินน้อย ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น กิจกรรมที่ใช้พลังงานในวันนั้น สภาพทางอารมณ์จิตใจ แม้แต่สภาพอากาศก็มีผลต่อการเจริญอาหารของเด็กในแต่ละวัน เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ที่อาจมีบางมื้อที่รู้สึกไม่หิว ไม่อยากกินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่นไข้หวัด ก็อาจทำให้เบื่ออาหารไปชั่วคราวได้
6. ไม่รู้ว่าความต้องการปริมาณอาหารของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน แม้ว่าจะน้ำหนักเท่ากันแต่เด็กแต่ละคนอาจกินอาหารมากน้อยต่างกันได้มาก ซึ่งขึ้นกับอัตราการใช้พลังงาน การย่อย การดูดซึม อัตราการเผาผลาญของร่างกาย ฯลฯ ของเด็กแต่ละคน

และเมื่อเกิดความกังวลว่าลูกได้สารอาหารน้อยเกินไป ผู้ปกครองจะพยายามหาวิธีแก้ไข ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้วิธีที่ผิดคือ ใช้การดุว่า บังคับ ลงโทษ ใช้การให้รางวัลหรือหลอกล่อให้เพลิดเพลิน หรือใช้กินเพิ่มเติมระหว่างมื้ออาหาร จะเห็นได้ว่าการพยายามแก้ปัญหาโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เด็กมีทัศนคติในแง่ลบต่อการกินและไม่รู้สึกหิวเมื่อถึงมื้ออาหาร จึงเกิดพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสมขึ้น เช่น ทำท่าทางไม่อยากกิน ปฏิเสธ กินน้อย ต่อรอง กินช้า อมข้าว บ้วนอาหาร กินไปเล่นไป แม้แต่อาเจียน ซึ่งยิ่งทำให้พ่อแม่เครียดและกังวลมากขึ้น เท่ากับเพิ่มปัญหาให้รุนแรงยิ่งขึ้น

แนวทางแก้ไขและป้องกัน

โดยธรรมชาติแล้ว เด็กไม่ควรมีปัญหากินยากหรือปฏิเสธการกิน เพราะร่างกายเด็กทุกคนต้องการสารอาหารเพื่อใช้สร้างพลังงานและเจริญเติบโตในแต่ละวัน โดยร่างกายจะมีกลไกกระตุ้นให้เด็กกระตือรือร้นที่จะกินอาหารคือ เมื่อร่างกายต้องการอาหารเพิ่มเติม ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดต่ำลง สัญญาณนี้จะกระตุ้นไปยัง “ศูนย์ควบคุมความหิว-อิ่ม” ที่อยู่ในสมอง ซึ่งจะกระตุ้นให้เด็กรู้สึก “หิว” น้ำย่อยหลั่ง ลำไส้บีบ เคลื่อนไหวมากขึ้น ท้องร้อง เกิดความอยากอาหารมากขึ้น เห็นอะไรก็อยากกิน จะสังเกตได้ว่าในขณะที่หิวมากๆ กินอะไรก็รู้สึกอร่อยไปหมด ทั้งยังกินได้มากและเร็วอีกด้วย
นอกจากระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ทัศนคติต่อการกินและอารมณ์ในขณะนั้นก็มีผลต่อการเจริญอาหารด้วยเช่นกัน เช่น บางครั้งเราอาจยังไม่ค่อยหิวนักแต่เมื่อถึงเวลาอาหาร เรารู้ว่าหากไม่กินอาหารตามเวลาอาจทำให้เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารได้ หรือถ้าปล่อยให้เลยเวลาไปมากจะหิวมากทรมาน ก็ทำให้เรายินดีจะกินเวลานั้น หรือเมื่ออารมณ์ไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์โกรธ เศร้า สามารถทำให้ความอยากอาหารหายไปชั่วคราวได้เช่นกัน

ดูแลลูกน้อยอย่างไรให้กินข้าว

เรามาเรียนรู้การป้องกันและแก้ไขที่ถูกวิธีกันนะครับ

1. หากพ่อแม่เช็คตามกราฟน้ำหนักและส่วนสูง (ซึ่งจะมีในสมุดบันทึกวัคซีนของลูก) แล้วยังอยู่ในช่วงปกติ ให้เตือน ตนเองเสมอว่าอาหารที่ลูกได้อยู่ปัจจุบันนี้เพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะมีญาติผู้ใหญ่หรือคนอื่นทักก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันมีเด็กอ้วนในสังคมไทยจำนวนมากสูงถึง 15-20% ซึ่งเด็กที่น้ำหนักเกินจะมีส่วนสูงมากกว่าวัยด้วย (แต่ก็จะหยุดสูงเร็วด้วย) ทำให้เด็กในวัยเดียวกันที่น้ำหนัก ส่วนสูงปกติ ถูกเปรียบเทียบแล้วรู้สึกว่าเป็นเด็กผอมหรือตัวเล็กไป
2. ไม่ใช้วิธีผิดๆ เพื่อให้เด็กกินมากขึ้น เช่น การตี ดุว่า บังคับ ใช้อารมณ์กับลูกหรือการตามใจ ต่อรอง หรือให้รางวัลเกินความจำเป็น
3. ให้เด็กรู้สึกหิวก่อนถึงมื้ออาหารโดยงดอาหารหรือขนมจุกจิกระหว่างมื้อ ไม่ว่าจะเป็นขนมกรุบกรอบ น้ำหวาน ไอศกรีม ลูกอม ฯลฯ หากจะให้ ควรให้หลังอาหาร หากเด็กกินได้เหมาะสม
4. ไม่ให้นมมากเกินไป เพราะเมื่อเด็กอายุเกิน 1 ปี ควรกินข้าวเป็นอาหารหลัก วันละ 3 มื้อ ส่วนนมจะเป็นอาหารเสริมเท่านั้น จึงต้องลดปริมาณลงเหลือวันละ 3 - 4 มื้อ และควรให้นมหลังอาหารเท่านั้น เด็กอายุมากกว่า 6 เดือน ร่างกายไม่ต้องการนมหลังจากหลับไปแล้วจนถึงเช้า จึงไม่ควรปลุกเด็กขึ้นมากินนม เพราะเด็กวัยนี้สามารถกินนมก่อนนอนแล้วอยู่ได้ถึงเช้า หากให้กินกลางดึกจะกลายเป็นความเคยชินและทำให้เด็กเบื่ออาหารเช้าเพราะยังอิ่มนม หลังอายุ 1 ปี ควรเลิกขวดนม ดังนั้นจึงให้เด็กเริ่มฝึกดูดจากหลอดหรือดื่มจากแก้วแทนตั้งแต่อายุ 10 เดือน
5. ฝึกให้กินอาหารเป็นเวลา สม่ำเสมอ และควรกินพร้อม ๆ กันทั้งครอบครัว เพื่อเป็นแบบอย่างและสร้างบรรยากาศการกินอาหารให้เด็ก
6. ขณะมื้ออาหารไม่ดูทีวี หรือเล่นของเล่นไปด้วย เพราจะทำให้เด็กไม่สนใจเรื่องกิน ทำให้กินช้า อมข้าวและอิ่มเร็วโดยที่ยังกินได้น้อย
7. ให้นั่งกินอาหารบนเก้าอี้จนเสร็จจึงจะให้ลง ไม่เดินตามป้อน
8. ทำบรรยากาศขณะมื้ออาหารให้ผ่อนคลาย พูดคุยกันเรื่องอาหาร หรือเรื่องเบาๆ ไม่ควรใช้เป็นเวลาที่จะมาต่อว่า ดุด่าว่ากล่าวกัน
9. เปิดโอกาสให้เด็กช่วยเหลือตัวเอง เรื่องการกินให้มากที่สุดตามวัย โดยค่อย ๆ ลดการให้ความช่วยเหลือลงตามลำดับ ในเด็กต่ำกว่า 3 ขวบ ให้เด็กมีโอกาสถือหรือหยิบอาหารเข้าปากด้วยตัวเองบ้าง แม้จะเลอะเทอะไปบ้างก็ต้องยอม เด็กวัย 4 ขวบ ส่วนใหญ่สามารถตักอาหารเข้าปากได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องป้อน เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือบางส่วน
10. สังเกตชนิดและลักษณะอาหารที่เด็กชอบ ปรุงรสชาติให้ถูกปากเพราะเด็กสามารถแยกแยะรสชาติได้ตั้งแต่อายุไม่กี่สัปดาห์
11. กำหนดระยะเวลามื้ออาหารประมาณ 30 - 45 นาที เมื่อถึงเวลาที่กำหนดให้เก็บจาน แม้ว่าจะยังกินไม่หมดหรือกินได้น้อยก็ตาม โดยไม่ต้องแสดงความวิตกกังวลหรือโกรธ แต่ให้งดของหวาน ขนม หรืออาหารว่างต่างๆ ทั้งหมดก่อนจะถึงมื้อถัดไปเพื่อให้เด็กเกิดความหิว ซึ่งจะกระตุ้นให้เจริญอาหารและรับผิดชอบเรื่องการกินว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลได้ดีขึ้น

โดยธรรมชาติแล้วปัญหาเด็กกินยาก ไม่กินข้าว ไม่ควรจะมี ยกเว้นแต่จะมีความพิการหรือเจ็บป่วยซ่อนเร้นอยู่ ดังจะเห็นว่าเด็กที่อยู่ในสังคมที่อดอยากยากแค้นจะไม่ค่อยพบปัญหาเหล่านี้ เด็กจะแย่งกันกิน ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาที่พบบ่อยในสังคมที่มีพอกินหรือเหลือกินอย่างสังคมคนชั้นกลางในปัจจุบัน ซึ่งพ่อแม่มีลูกน้อย และให้ความสำคัญกับเรื่องร่างกาย ความสมบูรณ์มาก เด็ก ๆ ไม่รู้จักคำว่าหิว ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกินให้เสียเวลาเล่น ดูทีวี แต่หากผู้ปกครองมีความเข้าใจธรรมชาติการกินของเด็ก มีค่านิยมที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องรูปร่างน้ำหนักตัว ลดความวิตกกังวลของตนเองได้ อีกทั้งฝึกฝนสุขลักษณะการกินที่ดีตั้งแต่เล็กก็จะแก้ไขและป้องกันปัญหานี้ได้.

MVClip เพลงฝรั่งอกหัก(เมียฝรั่ง2) [บนหลังคารถ] : นาท ซูดาน 21กค57 (nartsudan2014)

078 * บนหลังคารถ

http://youtu.be/W_puoFcuPTk
MVClip เพลงฝรั่งอกหัก(เมียฝรั่ง2) [บนหลังคารถ] : นาท ซูดาน 21กค57 (nartsudan2014)



เจ้าของลิขสิทธิ์ กระท่อมดินชมดาวเดือน / นาท ซูดาน เต็มใจเสนอ มิวสิควิดีโอ ที่ถ่ายทำจาก ทุ่งดอกกระเจียว ปี 2557
ติดต่อการแสดง 085-4917962
FACEBOOK : นาท ซูดาน
Inbox : https://www.facebook.com/messages/nartsudan
เพลงฝรั่งอกหัก(เมียฝรั่ง2) [บนหลังคารถ] Music Video Review  ศิลปิน นาท ซูดาน
เมื่อ 21 กรกฏาคม 2557 ที่ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ

หากว่าทุกอย่างมันง่ายไปเสียหมด

1.เรามองคนที่ประสบความสำเร็จแล้วก็นึกอิจฉา จะมีสักกี่คนที่ทราบว่า เค้าเหล่านั้น ผ่านความยากลำบากอะไรมาบ้าง
2. คนเราพออยากรู้อะไรแล้ว .. ไม่รู้ จากที่มีความหวัง อาจกลายเป็นความโกรธทันที ยิ่งโลภะแรงเท่าไหร่ โทสะก็ยิ่งแรงขึ้นตามความอยาก
3. "การได้พบเจอกับบางคน ไม่ว่าจะเป็นด้วยพรหมลิขิต หรือ เวรกรรมที่เคยมีต่อกัน แต่สุดท้ายจะจบลงยังไงก็อยู่ที่การตัดสินใจของตัวเราเอง" #ClubFriday
4. หากว่าทุกอย่างมันง่ายไปเสียหมด กลับกัน คนเราอาจจะไม่มีความอดทน หรือ เพียรพยายามเลย
5. เอาแต่เที่ยววิ่งหาที่สงบ ตราบเมื่อคุณไม่หยุดวิ่งหา ตราบนั้นจะไม่มีวันสงบลงได้
6. ผู้รู้จักควบคุมอารมณ์ของตน จะไม่ตกเป็นทาสกิเลสแห่งอารมณ์ของตนอยู่ร่ำไป
7. สิ่งที่เราทำนั้น ไม่ผิดทาง ซ้ำยังทำอย่างไม่หยุด อะไรก็มาหยุดความสำเร็จไม่ได้

ข้อคิดธรรมะ จาก tamdee.net


แชร์เพื่อส่งต่อบุญ

แชร์เพื่อส่งต่อบุญ

อีกหนึ่งช่องทางการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่มีปัญหาโรคตาในถิ่นทุรกันดารให้ได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยท่านสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อคืนแสงสว่างให้พวกเขาได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ด้วยการบริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ประเภท "กระแสรายวัน" เลขที่ 023-6-06799-0

ท่านที่ต้องการรับใบเสร็จรับเงินการบริจาคให้ส่งสำเนาใบโอนเงินพร้อมเขียนชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และระบุรายละเอียดการบริจาคว่า "โครงการเปิดตาดีสู่สังคมไทย" โดยส่งหลักฐานการบริจาคมาที่ โทรสาร 0-2652-4440 อีเมล์: pr-fund-rc@hotmail.com หรือบริจาคออนไลน์ได้ที่ www.redcrossfundraising.org

#เพราะรักครั้งนี้จะทำให้ตาสว่าง

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 12 คนเราจะต้องรับ+ให้ - โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul

ในหลวงในดวงใจ12 คนเราจะต้องรับ+ให้
ช่วง"ในหลวงในดวงใจ" ตอน12 (คนเราจะต้องรับและต้องให้) ในรายการวิทยุรักพ่อ โดย ธิดา เวียงสมุทร (Thida Weangsamoot) และ มะลิวัลย์ กี้วิริยะกุล (Maliwan Pukka Keewiriyakul)
ฟังเรื่องราว กลัวหิวกลางทาง, สารคดี ๙ คำพ่อสอน ตอน คนเราจะต้องรับ และ จะต้องให้ : ภานุพงศ์ ลาภเสถียร อดีตเด็กนักเรียน จิตรลดา ที่มาเป็น อาสาสมัครกู้ชีพ ออกรักษาพยาบาล บนหลังจักรยาน โดยไม่หวังผลประโยชน์
ฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ "ยิ้มสู้" หรือ "Smiles", "รอยเท้าพ่อ", "ตามรอยพระราชา"
http://www.youtube.com/watch?v=urVlvl6Hcig



พลังงานสะอาด ทางเลือกของชุมชนพอเพียง : 108 วันมหัศจรรย์พอเพียง ตอนที่ 85


ตอนที่ 85 : พลังงานสะอาด ทางเลือกของชุมชนพอเพียง
พลังงานจากธรรมชาติ มีทางเลือกให้กับคนมากกว่าเพียง น้ำมัน ซึ่งนับวันแต่จะหมดไป พลังงานจากคนเป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือกที?่สามารถทำได้ทันที พลังงานจากน้ำ เหมาะสมสำหรับพื้นที่ต้นน้ำ เป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้ พลังงานจากลมใช้ได้กับพื้นที่แจ้ง และพื้นที่ปลายน้ำ และในทุกพื้นที่พลังงานจากแสงอาทิตย์มอบคว?ามอบอุ่น ความร้อน แปรเป็นพลังงานได้ไม่มีวันหมดสิ้น โดยไม่ทิ้งกากจากการใช้พลังงานไว้ให้เป็นม?ลพิษต่อโลก
ความมหัศจรรย์ของ ทางออกจากปัญหาด้านพลังงาน ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนะ พลังงานสะอาดเหล่านี้มีอยู่แล้วตามธรรมชาต?ิ หากแต่มนุษย์มองข้าม ด้วยความไม่คุ้นเคย แต่หากหันเข้าสู่วิถีชีวิตที่พึ่งพาตัวเอง?และมองออกจากกรอบเดิมๆ พลังงาน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้อย่าง?เพียงพอ
http://www.youtube.com/watch?v=d15PK3d65AE


วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

เรื่องงงๆในครอบครัว!! อ่านแล้วจะประสาทตาม

(heart) งง เง๋ง ไปหมด
คนไข้โรคประสาทไปหาหมอ
หมอ: “คุณเป็นโรคประสาทได้ยังไง ?”
คนไข้: “ปัญหาครอบครัวครับ”
หมอ: แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน
คนไข้อธิบายว่า “หลายปีก่อน ผมแต่งงานกับแม่ม่ายคนหนึ่ง เธอมีลูกสาวอายุ 20 กว่าอยู่คนนึง”
ต่อมาพ่อผมแต่งงานกับลูกสาวของเมียผม
ลูกสาวก็เลยกลายเป็นแม่เลี้ยงผม
พ่อผมเลยเป็นลูกเขยผม

2 ปีต่อมา เมียผมคลอดลูกให้ผม 1 คน
มันเป็นพี่น้องแม่เดียวกันแต่คนละพ่อของแม่เลี้ยงผม (ก็คือลูกสาวผม)
ลูกผมเรียกผมว่าพ่อ
ผมเรียกลูกผมว่าน้าชาย
ต่อมา ลูกสาวผมมีลูกให้พ่อผมคนนึง
มันเป็นน้องชายผม แต่มันก็ต้องเรียกผมคุณตา
ผมก็เป็นผัวของเมียผม
เมียผมเป็นแม่ของแม่เลี้ยงผม ก็คือคุณยายผม
เพราะฉะนั้นผมก็เป็นคุณตาของตัวเอง
โรคประสาทผมก็เป็นตั้งแต่นั้นมา
หมอ: มึงอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาเล่าให้กูฟังอีกนะกูขอร้องประสาทกูจะแดก กูกราบหละ _/|\_

ลำดับความเป็นมาเรื่อง ช่อง 3 จอดำ + ออกอากาศคู่ขนานไม่ได้.. จริงหรือ?

เพราะเป็นสื่ออิสระ
ไม่จำเป็นต้องพูดเข้าข้างใคร แต่ขอพูดเข้าข้างชาติ
อยู่ฝั่งที่เป็นจริงที่สุด และตอบทุกคำถามที่สงสัย
เรื่องช่อง 3 จอดำ หรือออกคู่ขนานไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายนี่
จะลำดับความและประเด็นให้ฟังดังนี้นะครับ
-------------------------

1.ประเทศไทยมีแผนจะ "จัดสรรคลื่นความถี่ใหม่" มานานแล้ว แต่ติดตรงที่ ตั้ง กสทช. ไม่สำเร็จสักที จนกระทั่งมี กสทช.

2.ในเวลานั้น คลื่นความถี่ต่างๆ ถูกใช้ตามใจชอบ เช่น ตั้งวิทยุชุมชนกันตามใจชอบ ออกอากาศตามช่องทางต่างๆ อย่างไม่มีกฎเกณฑ์

3.เมื่อมี กสทช. ก็เริ่มตั้งแต่จัดระเบียบวิทยุชุมชน ด้วยการออกใบอนุญาต ประเภท "ทดลองออกอากาศ" ให้ ในภายหลังเมื่อมีการจัดสรรคลื่นความถี่จริงๆ แล้ว จึงจะมีใบอนุญาตประกอบการและอนุญาตให้ออกอากาศอย่างถูกต้องอีกครั้ง

4.ในสายโทรทัศน์ มีการวางแผนจะเปิดการประมูลโทรทัศน์ระบบดิจิตอล และยุติระบบอนาล็อกซึ่งล้าหลัง และใช้ช่วงความถี่มากเกิน 1 ย่านความถี่ของอนาล็อก เอามาแบ่งซอยเป็นดิจิตอลได้อีกหลายช่อง ซึ่งเท่ากับใช้ทรัพยากรของชาติ (ความถี่ = ทรัพยากรของชาติ) ได้อย่างคุ้มค่า ด้วยคุณภาพที่ดีขึ้นด้วย (ระบบดิจิตอล คมชัดกว่าระบบอนาล็อก) โดยยังให้เวลาโฆษณาสินค้าต่อชั่วโมงได้ 12 นาที เหมือนช่องอนาล็อก

5.ก่อนมี กสทช. มีการต่อสัญญากันอย่างรู้กัน ในราคาต่ำ และกินเวลานาน เช่น ช่อง 7 และช่อง 3 เป็นต้น (ปัจจุบัน กสทช. กำลังตรวจสอบสัญญาสัมปทานระหว่าง อสมท. กับช่อง 3 ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่) แล้วเอาสัญญาที่ตนถือนั้น เป็นเครื่องต่อรองกับ กสทช.

6.ในที่สุด กสทช. ประกาศเปิดประมูลช่องดิจิตอล ช่อง 3 ประมูลได้มา 3 ช่อง (SD, HD และ Family)

7.ต่อมา กสท. ใช้อำนาจตามกฎหมาย ประกาศยกเลิกสภาพความเป็นฟรีทีวี ต่อสถานีที่ออกอากาศด้วยระบบอนาล็อกทุกช่อง และประกาศให้ระบบดิจิตอลเป็นฟรีทีวี ตามหลักการว่า คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติ ผู้ประมูลคลื่นความถี่ที่จ่ายให้ประเทศชาติ ก็ได้สิทธิเป็นฟรีทีวี ส่วนพวกที่จ่ายเงินให้กันเอง เช่น จ่ายให้กองทัพบก จ่ายให้ อสมท. ก็ให้ถือสัญญาเดิม ใช้สิทธิออกอากาศในระบบอนาล็อกต่อไปจนสิ้นสัญญา ไม่มีการปิดสถานีอนาล็อก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ความถี่ทั้งหมดต้องหวนกลับมาเป็นของรัฐ โดยรัฐให้อำนาจ กสทช. เป็นผู้จัดการและจัดสรร อย่างไรก็ตาม กสทช. มิได้ไปคุกคามระบบอนาล็อก แต่จัดระเบียบว่า อนาล็อกต้องออกอากาศตาม "ช่องทาง" ที่ถูกต้องของตน คือ รับชมด้วยเสาหนวดกุ้งกับก้างปลา

8.เสมือนการจัดระบบจราจรนั่นเอง คือ รถไฟวิ่งบนราง รถยนต์วิ่งบนถนน แต่ถ้าเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ วิ่งบนนถนนไหนได้ ถนนไหนวิ่งไม่ได้ รวมทั้งจำกัดระยะเวลาที่ออกวิ่งอีกด้วย ส่วนรถจักรยานยนต์ วิ่งบนถนนพื้นราบ สะพานข้ามแยกห้ามวิ่ง ทางยกระดับห้ามขึ้น อย่างนี้เป็นต้น โดยที่ก่อนหน้านั้น คุณจะวิ่งกันตามอำเภอใจอย่างไรมาก่อนไม่สำคัญ นี่คือการจัดระเบียบใหม่ ตามกฎหมายที่ให้อำนาจแก่ กสทช.

9.ดังนั้น 3, 5, 7, 9, 11 และไทยพีบีเอส ระบบอนาล็อก พ้นสภาพความเป็นฟรีทีวีเหมือนกันหมด แต่ช่องดิจิตอลทั้งหมด เข้าสู่สภาพความเป็นฟรีทีวี โดยที่ระหว่าง กสท. ยังวางโครงข่ายระบบดิจิตอลเพื่อรองรับการออกอากาศยังไม่ครบและไม่พร้อมนี้ ขอช่องเคเบิ้ลและดาวเทียม (ซึ่งต้องมีใบอนุญาตจาก กสท. เหมือนกัน) เกี่ยวสัญญาณของช่องดิจิตอลทั้งหมดไปออกอากาศด้วย เรียกว่ากฎ "มัสต์ แครี่" คือ ต้องแบกมันไปด้วย

10.ช่อง 5, 11 นั้น ได้สิทธิยกเว้นไม่ต้องประมูลช่องดิจิตอล แต่ได้ช่องไปเลย เพราะถือเป็นองค์กรของรัฐ ทำหน้าที่บริการสังคม ไม่ใช่องค์กรธุรกิจที่ประกอบการเพื่อผลกำไร ส่วนไทยพีบีเอสเป็นโทรทัศน์สาธารณะเพื่อบริการสังคมอยู่แล้ว ก็ได้ช่องดิจิตอลโดยไม่ต้องประมูลเช่นเดียวกัน

11.ช่อง 7 กับช่อง 9 ไปประมูลช่องดิจิตอลไว้ จึงออกอากาศในระบบดิจิตอลได้ เพียงแต่ไม่ได้ผลิตเนื้อหาใหม่ แต่ทำหนังสือขออนุญาต กสท. ขอถ่ายโอนเนื้อหาทั้งหมดจากช่องอนาล็อกไปออกอากาศในระบบดิจิตอล (ซึ่งยังโฆษณาได้ 12 นาที ต่อชั่วโมง) ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศได้ เรียกว่า "ออกอากาศคู่ขนาน" (แพร่ภาพใน 2 แพลตฟอร์ม คือแพลตฟอร์มภาคพื้นดิน = อนาล็อก กับแพลตฟอร์มดาวเทียม)

12.อ้าว! แล้วทำไมช่อง 3 ไม่ออกอากาศคู่ขนานกับเขาบ้างล่ะ จะได้ไม่ต้องโวยวายว่าจอดำ-จอดับ

13.ช่อง 3 เขาอธิบายว่า เขาติดเงื่อนไขทางกฎหมาย ที่ กสท. กำหนดว่า ใครประมูล คนนั้นต้องดำเนินการ/ประกอบการ ซึ่งก็เป็นข้อกฎหมายที่หมอก้องเขาชื่นชมว่านายประวิทย์พูดได้ชัดเจนนั่นแหละ กล่าวคือ ผู้ประมูลทีวีดิจิตอลคือ บ.บีอีซี มัลติมีเดีย แต่ผู้ถือสัญญาสัมปทานช่อง 3 อนาล็อกคือ บ.บางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ซึ่งข้อนี้คุณประวิทย์พูดถูกต้อง

14.แต่...อย่าเพิ่งเคลิ้มครับ ช่อง 3 อนาล็อก ผู้เป็นเจ้าของสัมปทาน คือ บางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ แต่ในทางปฏิบัติ ก็ให้ บีอีซีเวิลด์ ดำเนินการแทนด้วยใช่ไหมครับ แล้วลองดูชื่อผู้ถือหุ้นของ 3 บริษัทนี้ดูนะครับ (ตามภาพประกอบ) ตระกูลมาลีนนท์ โดยคนชื่อซ้ำกัน ถือหุ้นใหญ่มาก ชี้นกเป็นนก ชี้ไม่เป็นไม้ได้อยู่แล้ว การแบ่งย่อยบริษัทเป็นแค่เทคนิคทางบัญชีเพื่อลดการจ่ายภาษีอัตราก้าวหน้าเข้ารัฐเท่านั้นครับ บวกกับความคล่องตัวทางการบริหารอีกเล็กน้อย แต่ทั้งหมด คุมโดยนายประวิทย์ใช่ไหมครับ ยกตัวอย่างเช่น เวลาซื้อสื่อ เช่น หนังสือพิมพ์ รถไฟฟ้า ป้ายตามสี่แยก คุณขึ้นโฆษณาป้ายเดียวกันได้ยังไง ในเมื่อคนละนิติบุคคลกัน แล้วนิติฯ ไหนเป็นคนจ่ายค่าป้ายล่ะ? จ่ายแล้ว ต้องไปเรียกเก็บจากอีกนิติฯ ไหม หรือใจดี กูจ่ายให้มึงฟรีนะน้องนะ อะไรทำนองนี้หรือครับ?

15.การติดขัดทางข้อกฎหมาย จึงเป็นแค่การใช้เงื่อนไขนี้เป็นเกราะป้องกันตัว และเป็นหอกทิ่ม กสท. เท่านั้นแหละ เพราะหากเป้าหมายมีแค่ "ขอให้ได้ออกอากาศ-เพื่อประโยชน์ของผู้ชม" ก็ทำตามที่ กสท. เสนอก็ได้

16. กสท.เสนอ ว่า
16.1) ทำข้อเสนอมา ว่าอยากออกอากาศคู่ขนาน แล้ว กสท. ซึ่งมีอำนาจในการพิจารณา จะดูช่องทางและมีมติ ตามที่เป็นไปได้ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
16.2) ขออนุญาต เป็นผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (ค่าธรรมเนียมถูกมาก เมื่อเทียบกับฐานะของช่อง 3 แต่โฆษณาได้แค่ 6 นาทีต่อชั่วโมง) ทำข้อหนึ่งข้อใดก็ได้ จบปัญหา ดังนั้นโดยรูปการณ์ กสท. ไม่ได้ทำตัวมีปัญหา แต่ช่อง 3 ต่างหากที่ทำตัวมีปัญหา ซึ่งหากอยากทำตามกฎหมาย ที่ตัวเองออกคู่ขนานไม่ได้ ก็ไม่ควรโวยวายว่า "จอดำ" เพราะ กสท. เขาก็ทำตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

17.และเพราะเสียดายเวลาที่สามารถโฆษณาได้ถึง 12 นาทีต่อชั่วโมงหรือเปล่า จึงไม่เข้าสู่ระบบโทรทัศน์ดาวเทียม เสียดายโฆษณาที่ทำสัญญากันไว้ล่วงหน้าแล้วใช่หรือเปล่า จึงเพียงขอยืดเวลาให้ช่องอนาล็อกยังได้ออกทางเคเบิ้ลกับดาวเทียมต่อไป ยื้อเวลาไปพลางๆ ตอบด้วยนะครับ รวมไปถึงเรื่องที่มาแถลงเกี่ยงงอนว่า เรตติ้งของทีวีดิจิตอลยังต่ำเหลือเกิน จะไม่ต่ำได้ยังไงล่ะครับ ก็ช่อง 3 เล่นดักตีกินอยู่ทางอนาล็อกควบเคเบิ้ลและดาวเทียมอยู่อย่างนี้ กระโดดเข้าไปเป็นดิจิตอลกันให้หมดสิครับ เอเยนซี่ ลูกค้าโฆษณา จะได้กระโดดเข้ามาในเวทีดิจิตอลกันเสียที ไม่ใช่แห่ไปหาช่อง 3 อนาล็อก แล้วปล่อยดิจิตอลอื่นๆ แห้งตาย มีน้ำใจหน่อยสิครับ

18.เดิมช่อง 3 ไปฟ้องศาลปกครอง ว่าคำสั่งให้พ้นสภาพความเป็นฟรีทีวี เป็นคำสั่งที่มิชอบ และขอให้ศาลคุ้มครอง ให้ได้ออกอากาศทางเคเบิ้ลและดาวเทียมต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน เรื่องนี้ ศาลรับเฉพาะข้อแรก คือรับพิจารณาว่า คำสั่งของ กสท. ชอบด้วยอำนาจและกฎหมายหรือไม่ ส่วนการคุ้มครองชั่วคราว ศาลมิได้รับ นั่นแปลว่า 28 กันยายน ช่อง 3 อนาล็อก จะไม่มีสิทธิออกอากาศทางช่องเคเบิ้ลและดาวเทียม โดยไม่ต้องรอให้ศาลตัดสิน เหมือนข้อความใน IG ของผู้จัด ผู้กำกับ และนักแสดงช่อง 3 หลายรายที่ตั้่งคำถามว่า "ทำไมไม่ให้ศาลตัดสินก่อน ทำไมต้องรีบจอดำ" ส่วนหลังจากนี้ ศาลจะตัดสินอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ ช่อง 3 อาจจะได้รับประโยชน์จากคำพิพากษาก็ได้ หรือศาลอาจพิพากษาว่า กสท. มีอำนาจโดยชอบตามกฎหมาย และได้มีมาตรการเยียวยาให้แล้วด้วยกฎมัสต์ แครี่ก็เป็นได้ ตรงนี้ก็รอคำพิพากษาของศาลอย่างเดียวเท่านั้น

19.ส่วนข้ออ้างที่ตำหนิ กสท. ว่า โครงข่ายระบบดิจิตอลยังไม่พร้อม ทำไมต้องรีบบังคับให้ทุกคนเป็นดิจิตอลนั้น ก็เข้าใจได้ว่า เป็นมาตรการเร่งรัดให้ทุกคนปรับตัวเข้าสู่ระบบดิจิตอลโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อเร่งเข้าสู่ระบบใหม่ให้เร็วขึ้น ในขณะที่โครงข่ายดิจิตอลยังไม่พร้อม กสท. ก็ใช้กฎ "มัสต์แครี่" บังคับให้เคเบิ้ลกับดาวเทียม "แบกไปออกอากาศให้ฟรีๆ" แล้วไง ไม่รู้หรือว่า ช่องทีวีดาวเทียม เช่น ฟ้าวันใหม่, นิวส์วัน, ทีนิวส์ เขาต้องจ่ายค่าเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม เดือนหนึ่งหลายล้านบาท แถมต้องจ่ายค่าออกอากาศให้แก่กล่องรับชมต่างๆ ด้วย แต่คุณได้สิทธิออกอากาศฟรี ตามกฎ "มัสต์ แครี่" แล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ ยังคิดว่า กสท. ไม่เป็นธรรมอีกหรือ

20.ส่วนเหตุผลด้านมนุษยธรรม ว่า ทำไมไปเพิ่มภาระให้คนจน คนมีรายได้น้อย ต้องติดกล่องรับสัญญาณ ต้องติดจานดาวเทียม ต้องเป็นสมาชิกเคเบิ้ลทีวีนั้น ไม่ต้องห่วงนะ เพราะคนจนเขาก็ปักหนวดกุ้ง ตั้งเสาก้างปลา ซึ่งดูช่อง 3 อนาล็อกได้สบายๆ ไม่ต้องติดจาน หรือเป็นสมาชิกเคเบิ้ลด้วย ไม่เปลืองเลย หรือไม่จริง?

21.หยุดหลอกลวงประชาชนเรื่องจอดำ แต่จงบอกเขาว่า ช่อง 3 ไม่มีสิทธิออกอากาศผ่านดาวเทียมและเคเบิ้ลตามกฎหมาย ใครอยากดู ดูผ่านหนวดกุ้งกับเสาก้างปลาได้ จอไม่ดำ เราไม่ได้ถูกปิด ใครไม่มีหนวดกุ้ง เดี๋ยวให้สรยุทธแจก แทนแจกเสื้อ เอางี้สิครับ

22.ส่วนทำอย่างไรเพื่อจะออกทางเคเบิ้ลและดาวเทียมได้ เป็นธุระของช่อง 3 ไม่ใช่ธุระของ กสท. ไม่อยากออก ก็อยู่ในแพลตฟอร์มภาคพื้นดิน คือ ระบบอนาล็อกต่อไป อย่าปลุกประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ให้รู้สึกเกลียดชังการปฏิบัติหน้าที่ของ กสท. เลย เช่น ทำตัวหนังสือ "ช่อง 3 จะจอดำ ในระบบดาวเทียม เคเบิ้ล" ตัวหนังสือต้องใหญ่เท่ากัน ไม่ใช่ใหญ่มากตรงคำว่า
"จะจอดำ"
แต่คำว่า
ในดาวเทียม-เคเบิล ตัวเล็กๆ และถ้าเกิดละความละโมบได้บ้างแล้ว อยากจะออกอากาศคู่ขนาน ก็ทำหนังสือเข้าไปให้ กสท. พิจารณา อย่าเอาแต่อ้างว่า คุณสุภิญญา กลางณรงค์ พูดอยู่คนเดียว คนอื่นยังไม่เห็นพูดอะไร ก็เขารอให้คุณทำหนังสือเข้าไปไงครับ เขาจะได้นัดกรรมการคนอื่นๆ ประชุม และมีมติ เข้าใจไหมครับ ไม่ใช่มานั่งมโนเองอยู่อย่างนี้

23.ไม่ต้องโพสต์ ไม่ต้องให้สัมภาษณ์ ไม่ต้องวานคอลัมน์นิสต์ย้ำว่า น่าเสียดายนะคะ ละครหลายเรื่องต้องเร่งตัดจบ โดยเฉพาะคนที่นั่งอมหัวแม่ตีนเงียบ ตอนที่ละคร "เหนือเมฆ" ถูกประหารชีวิตออกอากาศ ทั้งๆ ที่เหลือ 2 ตอนก็จบ ถ้าตอนนั้นคุณนั่งหุบปาก นั่งขมิบกันอยู่ได้ ตอนนี้ก็ขอให้หุบและขมิบกันต่อไปเงียบๆ

ป.ล.การใช้สื่อของตัวเอง พูดอยู่ข้างเดียว โดยไม่ให้ กสท. ได้พูด ไม่ใช่วิธีการของสุภาพบุรุษ หรือแสดงออกซึ่งความเป็นสื่อที่มีจริยธรรม!!

ความทุกข์มีมาก เพราะมนุษย์โหดร้ายมากขึ้น

ถ้าความทุกข์มีหน้าตาก็กล่าวได้ว่า เขาคุ้นเคยรู้จักกับมันเป็นอย่างดี ชนิดเห็นหน้าก็ร้องทักกันได้ นั่นหน้าเขียวคล้ำ ทุกข์ซ่อนอยู่ในอก หายนะในชีวิตกำลังจะเดินทางมาถึง โน่นหน้าเหลืองซีด ทุกข์จากการป่วยไข้คงนอนทรมานอยู่ และนี่! หน้าตายับย่นไม่มีทุกข์อย่างอื่น นอกจากถูกใครซ้อมมา

ความทุกข์เหมือนลมที่พาเอาฝนมาด้วย มักเปียกปอนด้วยน้ำตา พร้อมคำพูดพรั่งพรูที่หลั่งระบายความออกมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น แต่ เออ! ก็ไม่แน่เหมือนกัน ความทุกข์นั้นบางครั้งคล้ายลมแล้งแห้งร้อนที่มีแต่อัดอั้น ซึ่งรอวันระเบิด

ความทุกข์อย่างหลังนี้ปวดร้าวกว่ามากนัก ถ้าไม่ฆ่าตัวเองก็อาจฆ่าคนอื่นตาย

แต่อย่างไร ความทุกข์ก็ไม่มีฤดูกาล เขารู้เหมือนคนอื่นรู้ว่า ตราบที่ยังมีมนุษย์อยู่ ความทุกข์เศร้าโศกก็จะยังคงอยู่คู่ด้วยอย่างไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ เกิดนานสักแค่ไหน แล้วเมื่อไหร่จะหาย ก็เช่นเดียวกับคำถามที่ว่า เมื่อไหร่มนุษย์จะเลิกกดขี่ข่มเหงซึ่งกันและกัน เลิกเอาเปรียบกัน โกงกัน และเลิกคิดถึงแต่ตัวเองเสียที มนุษย์มักจะทอดทิ้งกันเองราวกับเศษขยะ เหมือนกับว่า ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันอย่างนั้น

มนุษย์ยิ่งโหดร้ายมากขึ้นในยุคนี้ ความทุกข์จึงมีมาก หลั่งไหลมาหาเขาอยู่วันแล้ววันเล่า ชวนเบื่อหน่าย ชวนสิ้นหวัง บางครั้งเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่า บ้านเมืองมีตำรวจ มีโรงพัก มีทนายความ มีผู้พิพากษา และมีวัดไว้ทำอะไร และเพื่อใครกันบ้างนะ...

ที่มา ทุกข์ของลุง : อัศศิริ ธรรมโชติ

สุภาษิตจีน.. ชีวิตคนเรา

อ่านแล้วชอบ สุภาษิตจีน...ชีวิตคนเรา

0 ขวบ เปิดฉากชีวิต
10 ขวบ สนุกสนานเติบโต
20 ขวบ ลังเลไม่แน่
30 ขวบ เข็มมุ่งเห็นชัด
40 ขวบ มุ่งมั่นให้สำเร็จ
50 ขวบ สร้างความมั่นคง
60 ขวบ แก่แล้วกลับบ้าน
70 ขวบ ดูแลลูกหลาน
80 ขวบ นั่งๆนอนๆ
90 ขวบ รับแขกบนเตียง
100 ขวบ แขวนไว้ข้างฝา

ดังนั้น
อยากกิน...กิน,
อยากเที่ยว....เที่ยว
เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้,
สุขสบายทุกเพลา,
เวลาที่ยังจับมือไหว
ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์,
เวลาที่ยังกอดไหว
ให้โอบกอดให้ชื่นใจ,
ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง เพื่อนที่ดีต่อไป,
เวลาที่อยู่ด้วยกัน
อย่าได้โกรธกันง่ายๆ

โปรดส่งต่อให้เพื่อนๆอีก9คน
เพื่อแสดงว่า...คุณยังมีเพื่อน
และ...ฉันเป็นเพื่อนคุณ

การผลิตเห็ดนางรม + นางฟ้าให้ได้ผลดี

พืช)การผลิตเห็ดนางรม-นางฟ้าให้ได้ผลดีต้องบ่มเส้นใยที่28องศา +เปิดดอกที่คอขวดเท่านั้น(ดอกใหญ่+น้ำหนักดี) ใน1ก้อนเก็บได้12-15ครั้ง(ทุก5-7วัน)

จาก sms farmerInfo

ปรัชญาชีวิตในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์สุขภาพ

Dr-Jidbhong Jayavasu
ปรัชญาชีวิตในทัศนของนักวิทยาศาสตร์สุขภาพ
ชีวิตมนุษย์เป็นเพียงแค่หลอดๆเดียว หลอดนั้นเริ่มต้นขึ้นมาจากเซลล์ๆเดียว เมื่อเซลล์เพิ่มจำนวนขึ้นและแผ่กระจายออกเป็นแผ่น มันจะค่อยๆยกตัวและม้วนตัวเข้าเป็นหลอด หลอดนั้นมีส่วนหัวและส่วนหางที่จะพัฒนาต่อไปเป็นระบบประสาทอันมีสมองและไขสันหลังเป็นหลอดเดียวต่อเนื่องกัน

ตาและประสาทจมูกเป็นส่วนหนึ่งของสมอง ประสาทรับความรู้สึกอื่นๆล้วนมาจากเซลล์ส่วนนอกหลอดประสาททั้งสิ้น ที่เคลื่อนหรืองอกเข้ามาเชื่อมต่อกับระบบประสาทภายหลัง อวัยวะอื่นๆรวมทั้งแขนขาที่เกะกะก็เช่นเดียวกัน

ดังนั้น สิ่งที่เป็นธาตุสำคัญของชีวิตก็คือหลอดประสาทนั้นเท่านั้น ที่ซึ่งรับสัญญานต่างๆเข้ามา ประมวลผล แปรเป็นความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ และสั่งการตอบสนองออกไป

อายตนะทั้งหลาย จึงเป็นเพียงส่วนประกอบของร่างกายที่ใช้เป็นเสมือนเครื่องมือสื่อสารติดต่อระหว่างโลกภายนอกกับหลอดประสาทเท่านั้น หามีความสำคัญต่อชีวิตแต่ประการใดไม่ ใยจึงต้องติดยึดกับเครื่องมือเหล่านั้นดั่งกับโทรศัพท์มือถือด้วยเล่า
ลด ละ เลิกใช้มันเสียบ้าง โลกแคบๆในหลอดประสาทของเราจะได้สงบลง

เขาแต่งงานกับใคร?

ผู้ชายคนหนึ่งอยากแต่งงาน
แต่ไม่รู้จะเลือกใครดีระหว่างผู้หญิง 3 คน
เขาเลยให้ของขวัญทั้ง 3 คนเป็นเงินสดคนละ 5,000 เหรียญ
แล้วดูว่าแต่ละคนจะทำอะไรกับเงินที่ให้ไป

คนแรก เอาไปใช้เรื่องแต่งตัวหมดเลย เธอเข้าร้านเสริมสวยทำผมใหม่
แต่งหน้าใหม่ ซื้อชุดสวยๆ ใหม่ใส่
เธอบอกเขาว่าที่ทำไปทั้งหมด ก็เพื่ออยากสวยสำหรับเขา
เพราะเธอรักเขามาก

เขาประทับใจเธอมาก



คนที่สอง ไปซื้อของใช้ผู้ชายให้เขา เธอซื้อไม้กอล์ฟใหม่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้าแพงๆ ให้เขา

ตอนเธอให้ของขวัญเขา
เธอบอกว่าเธอใช้เงินทั้งหมดเพื่อเขาคนเดียว เพราะเธอรักเขา

เขาก็ประทับใจอีก



คนที่สาม เอาเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น ได้เงินมาหลายเท่า
เธอคืนเงิน 5,000 เหรียญแก่เขา
และลงทุนต่อโดยใช้ชื่อร่วม
เธอบอกเขาว่าเธออยากเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตสำหรับเธอและเขา
เพราะเธอรักเขามาก

เขาประทับใจเป็นที่สุด



ชายหนุ่มคิดอยู่นานเกี่ยวกับวิธีใช้เงินของผู้หญิงแต่ละคน



และแล้วเขาก็แต่งงานกับคน....






ที่นมใหญ่ที่สุด....

โฮ้..เว้ยยย..




ผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ รู้ไว้ซะ



ถ้าคุณไม่ส่งเมลนี้ต่อไปให้เพื่อนอีก 5 คนทันที

จะมีคนหัวเราะน้อยลง 5 คน

(หมายความว่าถ้าส่งไปจะต้องมีคนหัวเราะแน่ เพราะฉะนั้นรีบส่งซะ)

4 วิธีง่ายๆในการปฐมพยาบาล

ขอให้ส่งต่อให้ญาติสนิทมิตรสหาย
เพราะว่าความรู้นี้ สอนคนได้ ช่วยคนก็ได้
ขอให้ส่งต่อให้ได้

4วิธีง่ายๆในการปฐมพยาบาลดังข้างล่างนี้

1.สำลักอาหาร
วิธีจัดการแค่ยกมือขึ้นไป

2 ตกหมอน
คุณเคยตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่ตัวเองตกหมอนมั้น
ก็คือปวดคอ ถ้าหากตกหมอน คุณควรทำอย่างไร
ถ้าหากตกหมอน แค่ยกขาขึ้นมา
จับนิ้วโป้งของเท้า
ค่อยๆนวดและหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือทวนเข็มนาฬิกา

3. ขาเป็นตะคริว
เวลาขาซ้ายเป็นตะคริว ให้ยกมือขวาขึ้นสูงๆ
เวลาขาขวาเป็นตะคริว ให้ยกมือซ้ายขึ้นสูงๆ จะรู้สึกสบายผ่อนคลายทันที

4. ขาชา
ถ้าขาซ้ายชา
สบัดมือขวาจากช้าไปหาเร็ว
ถ้าขาขวาชา
ก็สบัดมือซ้ายจากช้าไปเร็ว

ช่วยส่งต่อเถอะ ได้บุญกุศลมากมาย

10มุมมองใหม่ สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่กำลังเผชิญอยู่

ชอบมากๆ 󾌶ขอมอบสิ่งดีๆ
สำหรับใครหลายๆคนที่อะไรต่อมิอะไรก็ดูไม่เป็นดั่งใจไปเสียทั้งหมด นี่คือมุมมองใหม่สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ... อ่านจบแล้วคุณจะพบกับรอยยิ้มและมุมมองใหม่ที่คุณเองก็คาดไม่ถึง ^_^

1. การอธิษฐานไม่ใช่
"ยางอะไหล่" ที่จะทำให้คุณหลุดพ้นจากปัญหา แต่คือ "พวงมาลัย" ที่จะพาคุณไปในทิศทางที่ถูกต้อง

2. ทำไมรถยนต์จึงมีกระจกกันลมหน้าบานใหญ่แต่มีกระจกมองหลังบานเล็ก เพราะอดีตของเราไม่สำคัญเท่ากับอนาคตของเรา ดังนั้นจงมองไปข้างหน้าและก้าวต่อไป

3. ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนเหมือนหนังสือ ที่ใช้เวลาเผาไหม้เพียงเศษเสี้ยววินาที แต่ใช้เวลาหลายปีเพื่อจะเขียนมันขึ้นมา

4. ทุกอย่างบนโลกใบนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ถ้ามันดีให้มีความสุขกับมันเพราะมันจะอยู่กับเราไม่นาน ถ้ามันไม่ดีอย่ากังวล เพราะมันจะอยู่กับเราไม่นานอีกเหมือนกัน

5. เพื่อนเก่าเปรียบเสมือนทองคำ เพื่อนใหม่เปรียบเสมือนเพชร เมื่อคุณได้รับเพชรอย่าลืมทอง เพราะในการถือครองเพชรคุณจะต้องมีฐานทองคำเสมอ

6. โดยทั่วไปเมื่อเราสูญเสียความหวังและคิดว่านี้คือจุดจบ แต่พระเจ้าจะพูดว่า "ใจเย็นๆก่อนที่รัก นี่เป็นแค่จุดหักเหไม่ใช่จุดจบ"!

7. เมื่อพระเจ้าแก้ปัญหาให้คุณ คุณจะมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของพระองค์ เมื่อพระเจ้าไม่แก้ปัญหาให้คุณ นั่นเป็นเพราะพระองค์เชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของคุณ

8. คนตาบอดถามกับเซนต์แอนโทนีว่า "จะมีสิ่งใดที่แย่ไปกว่าการสูญเสียการมองเห็นไหม" เขาตอบว่า "มี นั่นคือการสูญเสียวิสัยทัศน์ของคุณไง!"

9. เมื่อคุณอธิฐานให้ผู้อื่น พระเจ้าจะฟังคุณและนำพาความสุขมาสู่พวกเขา และครั้งใดที่คุณปลอดภัยและมีความสุข จงจำเอาไว้ว่ามีใครบางคนอธิฐานให้คุณ

10. ความกังวลไม่ได้นำเอาปัญหาของวันพรุ่งนี้ออกไป แต่มันนำเอาความสงบสุขของวันนี้ไปต่างหาก

ถ้าคุณมีความสุขเมื่อได้อ่านข้อความเหล่านี้ ช่วยส่งต่อไปยังคนอื่นๆ มันอาจจะช่วยให้ใครบางคนมีวันที่สดใสสวยงามขึ้น

^_^ ยิ้มหน่อยน่า .. นะ󾌰󾌸

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

มื้อเย็น กินอย่างไรเพื่อสุขภาพ...

มื้อเย็น กินอย่างไรเพื่อสุขภาพ... ( ข้อแนะนำเป็นเพียงความรู้เฉยๆ แต่การมีวินัย มีกำลังใจที่จะทำเป็นเรื่องสำคัญ มีความเชื่อมั่น มีความตั้งใจ อะไรๆก็ต้านไม่อยู่...)

1. ปริมาณของสารอาหารมื้อเย็นควรน้อยที่สุดรองจากมื้อเช้า และมื้อกลางวัน โดยเฉลี่ยผู้ใหญ่ควรจะได้รับพลังงาน 1,800 กิโลแคลอรี่ต่อวันต่อคน ซึ่งรวมทั้งอาหารหลักและอาหารว่างของแต่ละมื้อ ถ้าจะฝึกวินัยให้สมสัดส่วน มื้อเช้าควรจะได้รับประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ (700 กิโลแคลอรี่) มื้อเที่ยง 35 เปอร์เซ็นต์ (600 กิโลแคลอรี่) และมื้อเย็น 25 เปอร์เซ็นต์ (500 หรือ 400 กิโลแคลอรี่) สอดคล้องกับหลักการของนาฬิกาชีวิต (Biological Clock) ที่ระบุช่วงเวลาของกระเพาะอาหารไว้ในช่วงเวลา 7.00 น.-9.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่กระเพาะอาหารแข็งแรงจึงทำงานได้ดี ดังนั้น ในช่วงเวลาเย็นจึงไม่ควรกินอาหารในปริมาณมาก

2. ควรเน้นผักกับผลไม้ และกินให้หลากหลาย ควรกินให้ได้ทุกวันเพื่อเสริมวิตามินและเกลือแร่ และยังต้องกินให้หลากหลาย เพราะในผักแต่ละชนิดมีสารอาหารวิตามินและเกลือแร่ไม่เหมือนกัน การกินคละเคล้ากันจะไปช่วยเสริมกันและกัน นอกจากนี้ยังทำให้รู้สึกอิ่มใจ และสนุกกับการกินมากขึ้น

3. ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ถ้าเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ควรเป็นเนื้อปลา และเป็นอาหารที่มีความจุไขมันต่ำ จึงควรเลี่ยงอาหารประเภททอด

4. ควรกินมื้อเย็นก่อนเข้านอน 4-6 ชั่วโมง เพราะถ้ากินโปรตีนจากสัตว์ ร่างกายจะใช้เวลาย่อยและดูดซึมถึง 4 ชั่วโมง และหากพิจารณาตามหลักแพทย์แผนไทย ซึ่งมีวิธีการกินอาหารมื้อเย็นที่ระบุไว้ในคัมภีร์สมุฏฐานวินิจฉัย ว่า "ตอนเย็น ในระหว่างเวลา 14.00 น.-18.00 น.เป็นช่วงเวลาที่ธาตุลมกำเริบ จึงควรกินอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนเพื่อขับลม หากกินในช่วงเวลา 18.00 น.-22.00 น. จะเป็นช่วงที่ธาตุน้ำกำเริบ จึงควรกินอาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวเพื่อขับเสมหะ"

เมื่อพิจารณาตามหลักการดังกล่าวสรุปได้ว่า การกินมื้อเย็นเพื่อสุขภาพ ต้องกินในปริมาณน้อย เน้นผักผลไม้ที่หลากหลาย เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ในเวลาก่อนเข้านอน 4-6 ชั่วโมง และรสชาติอาหารควรเป็นรสเผ็ดร้อน และเปรี้ยว (ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารไม่ควรกินอาหารรสเผ็ดจัด)

ขอบคุณข้อมูลจาก ชีวจิต

บันทึกถึงลูกศิษย์ของหลวงพ่อ

น้อมกราบๆๆหลวงพ่อคำเขียน ลูกศิษย์หลวงพ่อเทียน_/\_ _/\_ _/\_

หลวงพ่อคำเขียน ได้ละสังขารที่วัดป่าสุคะโต

"สั่งลามิตรสหายทุกท่าน
ธาตุขันธ์ไม่มีวันที่จะอยู่ได้นาน
ขอให้เน้น สติ ปัญญา แทน
เป็นปากเป็นเสียงธรรม
ตามที่หลวงพ่อเทียนสอน
พวกเราถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้จริง
เวลานี้มีแต่ปล่อยวาง
ไม่เป็นอะไรกับอะไร"

บันทึกถึงลูกศิษย์ของหลวงพ่อ

ข้อคิด.....สะกิดใจ

ข้อคิด.....สะกิดใจ

"จน" แปลว่า "มีน้อย" แต่ไม่ได้แปลว่า "ทุกข์"
"รวย" แปลว่า "มีมาก" แต่ไม่ได้แปลว่า "สุข"
"พอเพียง" แปลว่า "มีพอ" ก็ไม่ได้แปลว่า "ทุกข์" หรือ "สุข"

พุทธวจนะ : "เสนาบดีดื่มน้ำจากขันที่ทำด้วยทองคำ เปรียบเทียบกับชาวนาที่ดื่มน้ำจากกะลามะพร้าว หากมีความพอใจ ย่อมสุขเท่ากัน"

MVClip เพลงบ่องตรงเจ็บจริงนะ(ในไร่ข้าวโพด) : นาท ซูดาน 21กค57 (nartsudan2014)

046++++
http://youtu.be/d87IqV4aAis
MVClip เพลงบ่องตรงเจ็บจริงนะ(ในไร่ข้าวโพด) : นาท ซูดาน 21กค57 (nartsudan2014)



เจ้าของลิขสิทธิ์ กระท่อมดินชมดาวเดือน / นาท ซูดาน เต็มใจเสนอ มิวสิควิดีโอ ที่ถ่ายทำจาก ทุ่งดอกกระเจียว ปี 2557
ติดต่อการแสดง 085-4917962
FACEBOOK : นาท ซูดาน
Inbox : https://www.facebook.com/messages/nartsudan
เพลงบ่องตรงเจ็บจริงนะ(ในไร่ข้าวโพด) Music Video Review  ศิลปิน นาท ซูดาน
เมื่อ 21 กรกฏาคม 2557 ที่ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ

โลกนี้มีคนคิดแทนกันมากขึ้น

1. โลกนี้มีคนคิดแทนกันมากขึ้น จึงมีแต่ความเดือดร้อน วุ่นวายมากขึ้น
2. การไปดูถูกการกระทำของใครเค้า ก็เป็นการเพิ่มอัตตาในตัวเราให้เติบโต
3. คนที่ชอบระแวงคนไปเสียหมด ชีวิตนี้เค้ายากจะมีมิตรแท้
4. ทำบุญทำทาน เพื่อชำระกิเลส สละความตระหนี่ และขัดเกลา ความเห็นแก่ตัวออกไป โดย มุ่งหวังจิตให้ผู้รับมีความสบายยิ่งขึ้น
5. โลกทั้งใบ ไม่ได้แย่ทั้งหมดหรอก มีแต่ความคิดของเราเองที่แย่ไปกับโลก และกับเรื่องราวนั้นๆ
6. ในทุกวัน เราจะเห็นคนยืนหยัดตามความคิด ตามการกระทำ เพื่อไปตามกรรมของตนที่ได้สั่งสมมาเป็นจำนวนมาก
7. ต่อให้การสอนนั้นจะเหนื่อย แต่ไม่มีวันสูญเปล่า ผู้ฟังอาจจะไม่ได้อะไร ส่วนผู้สอนต้องได้แน่นอน

ข้อคิดธรรมะ จาก tamdee.net

การเดินทางของเวลา และ การเดินทางของเรา



" หากเราเตือนใจตัวเองว่าลูกหลาน คนรัก และพ่อแม่ของเรา เขาอาจจะตายวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ก็ได้ เราจะรู้สึกเลยว่าการที่เขายังมีชีวิตอยู่กับเรานั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามาก แต่ละวันแต่ละชั่วโมงที่เขายังอยู่กับเรา จะมีความหมายมาก เราจะไม่ปล่อยให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เราจะให้เวลากับเขาอย่างเต็มที่ เราจะทำดีกับเขา อ่อนโยนนุ่มนวลกับเขา ไม่กระด้างหมางเมินเขา

ขณะเดียวกันเราจะรู้สึกว่าการที่เขายังมีชีวิตอยู่กับเรา แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องมีชื่อเสียง ไม่ต้องมีเงินทองมาก ไม่ต้องมีบริษัทบริวารมากก็ได้ เพียงแค่คนที่เรารักยังอยู่กับเรา ยังไม่ตายไปจากเรา แค่นี้ก็นับว่าเป็นโชคดีแล้ว"

พระไพศาล วิสาโล

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 11 พูดจริงทำจริง - โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul

ในหลวงในดวงใจ 11 พูดจริงทำจริง
ช่วง"ในหลวงในดวงใจ" ตอน11 (พูดจริงทำจริง) ในรายการวิทยุรักพ่อ โดย ธิดา เวียงสมุทร (Thida Weangsamoot) และ มะลิวัลย์ กี้วิริยะกุล (Maliwan Pukka Keewiriyakul)
ฟังเรื่องราว จากประภัสสร เสวิกุล, สารคดี ๙ คำพ่อสอน ตอน พูดจริงทำจริง : นายสัตวแพทย์ อลงกรณ์ มหรรณพ พ่อพระของช้าง ฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ "ลมหนาว" หรือ "Love in Spring", "ความรักของพ่อ", "ของขวัญจากก้อนดิน"
http://www.youtube.com/watch?v=Bf2LkStP8Wg



จากภูผา สู่มหานที ที่หนองใหญ่ (ตอนที่ 2) : 108 วันมหัศจรรย์พอเพียง ตอนที่ 84


ตอนที่ 84 : จากภูผา สู่มหานที ที่หนองใหญ่ (ตอนที่ 2)
อีกไม่นาน ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงแห่งนี้ จะแสดงให้เห็นความเชื่อมโยงกันจากต้นน้ำสู?่ปลายน้ำ จากภูผาสู่มหานที กลุ่มคนกลุ่มนี้จะประกาศศักยภาพให้เห็น ณ หนองใหญ่แห่งนี้ และยิ่งไปกว่านั้นที่นี่จะกลายเป็นพิพิธภั?ณฑ์ที่มีชีวิตที่แท้จริง ทุกผู้คนที่อาศัย จะใช้ชีวิตร่วมกันที่นี่ ด้วยวิถีพึ่งพาตนเอง จากอาหาร และการจัดการน้ำจากพื้นที่น้ำ ที่ได้รับการออกแบบโดยเจ้าของทฤษฎีกำนันเค?ว็ดโมเดล
นี่คือ กลุ่มคนที่เดินตามแนวทางของพระเจ้าอยู่หัว?ฯ และมุ่งมั่นทำตนให้เป็นตัวอย่าง ด้วยพวกเขาเชื่อแล้วว่า ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน
http://www.youtube.com/watch?v=vzeFYluIyqM


วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

1 ต้น 1 คน ต้นไม้แค่ต้นเดียวช่วยลดมลพิษได้

1 ต้น 1 คน ต้นไม้แค่ต้นเดียวช่วยลดมลพิษได้

ต้นไม้ใหญ่เพียงหนึ่งต้นสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 9-15 กิโลกรัมต่อปี และยังช่วยลดอุณหภูมิรอบบ้านได้ 2-4 องศาเซลเซียสอีกด้วย มาร่วมกันปลูกคนละ(ต้น)ไม้ คนละมือ เรื่องง่ายๆ ที่เราช่วยโลกได้

หัวใจบริการ service mind

หัวใจบริการ service mind สิ่งที่ผู้ป่วย/ลูกค้าต้องการจากหมอพยาบาล/ผู้บริการ

คำว่า “Service”
S = Smile (อ่านว่า สม้าย) แปลว่า ยิ้มแย้ม
E = enthusiasm (อ่านว่า เอ่นทู้ซิแอ่สซึม) แปลว่า ความกระตือรือร้น
R = rapidness (อ่านว่า เร้ปปิดเนส) แปลว่า ความรวดเร็ว ครบถ้วน มีคุณภาพ
V = value (อ่านว่า ว้าลลู) แปลว่า มีคุณค่า
I = impression (อ่านว่า อิมเพริ้สเซน) แปลว่า ความประทับใจ
C = courtesy (อ่านว่า เค้อติซี) แปลว่า มีความสุภาพอ่อนโยน
E = endurance (อ่านว่า เอนดู้เรน) แปลว่า ความอดทน เก็บอารมณ์

คำว่า “Mind”
M = make believe (อ่านว่า เมค บิลี้ฟ) แปลว่า มีความเชื่อ
I = insist (อ่านว่า อินซิ้ส) แปลว่า ยืนยัน/ยอมรับ
N = necessitate (อ่านว่า เนอะเซ้สเซอะเตท) แปลว่า การให้ความสำคัญ
D = devote (อ่านว่า ดิโว้ต) แปลว่า อุทิศตน


Anti-Aging ศาสตร์ชะลอวัย....สามอย่าง



นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ (International Anti-Aging Medicine Institute) ภายหลังจากจบแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ที่อเมริกา จนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ บอกว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง ให้อยู่กับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ

“มีเรื่องอะไรบ้างที่จะศึกษาได้ตั้งแต่ หัวจรดเท้า กายจรดใจ และใจจรดจิตวิญญาณ ที่ผมเห็นก็เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ (Anti-Aging Medicine) เป็นศาสตร์ที่สามารถศึกษาเรื่องพวกนี้ พอได้ไปศึกษาตำรา Anti-Aging ซึ่งเป็นเรื่องของการป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพก่อนป่วย แต่ต้องเอามาปรับให้เข้ากับคนไทยถึงจะสมบูรณ์”

คุณหมอเล่าให้ฟังและบอกว่า ขณะที่การแพทย์แผนปัจจุบันเน้นการรักษาด้วยยา แต่ Anti-Aging ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง อย่างนอนดึกจะทำให้เราแก่เร็ว ก็ต้องออกกำลังกายกระตุ้นฮอร์โมนหนุ่มสาว

หลักการง่ายๆ ของ Anti-Aging มีอยู่สามอย่าง คือ

1. Healthy Weight

ถ้าไม่อยากแก่ต้องรักษาน้ำหนัก ไม่ให้อ้วนเกินไป จากปกติรับประทานอาหาร 100% ให้ตัดออก 40% เหลือ 60% อาจงดอาหารสักมื้อหนึ่ง อย่ารับประทานแป้งและน้ำตาลเยอะ อาหารทั้งสองอย่างเป็นสาเหตุทำให้แก่เร็ว แป้งไม่ได้มีอยู่ในข้าวอย่างเดียว ยังมีในอาหารชนิดอย่างอื่นด้วย อาทิเช่น ฟักทอง

"ข้าวเป็นอาหารของคนไทยมานาน จะให้เลิกกินไปเลยคงไม่ได้ เราคว รเลือกกินข้าวซ้อมมือ ข้าวมันปู ข้าวโอ๊ต เพราะจะมีกากใยอาหาร ทำให้น้ำตาลไม่เข้าสู่เลือดเร็วเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แก่เร็ว ถ้าน้ำตาลเข้าไปจับกับโปรตีนเร็ว จะทำให้โปรตีนในตัวเราเสีย ซึ่งจะทำให้ปลายประสาทต่างๆ เสื่อมเร็วกว่าคนปกติ อย่างคนที่เป็นเบาหวาน ถ้าน้ำตาลไปจับที่ตา ตาก็จะเสื่อมเร็วกว่าปกติ

"พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า กินพอประมาณ ยามวิกาลโภชนา ท่านก็มิได้ให้ตัดเลยทีเดียว สามารถดื่มน้ำปานะได้ ซึ่งตะวันตกเพิ่งมาเรียนรู้ในเรื่องการจำกัดแคลอรี (Calorie Restriction) เราต้องกินสารอาหารให้เพียงพอแก่ร่างกาย" คุณหมอกล่าว

2. Healthy diet and Life style

โดยจะเริ่มที่ Healthy diet คือ อาหารสุขภาพ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารเสริมราคาแพง อาหารจากธรรมชาติ พวกผักต่างๆ โดยเฉพาะคะน้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นราชาแห่งผักเลยก็ว่าได้ แต่ที่สำคัญคือต้องรับประทานให้เหมาะสม ถ้าน้อยเกินไปก็ไ ม่เห็นผล บางคนชราภาพแล้วก็อาจจะไม่สะดวกในการกินผัก อาจกินอาหารเสริม

คุณหมอ ย้ำเรื่อง ธรรมนูญอาหารเสริม 4 ประการ มีดังนี้

1.ให้เลือกกินอาหารธรรมชาติมากที่สุด ข้างฉลากกล่องจะเขียนว่า Natural และ BIOIDENTICAL (ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด)

2. ให้เลือกอาหารเสริมที่มีปริมาณมากพอ อย่างวิตามินซี ถ้าจะรับประทานควรประมาณ 500-1,000 มิลลิกรัม

3. อาหารเสริมที่ทานต้องจับคู่ให้ถูกต้อง ถ้าจะทานวิตามินเอ อย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมีวิตามินซีและวิตามินอีด้วย ถ้าจะกินแคลเซียมก็ต้องเลือกกินแมกนีเซียมด้วย เพราะแมกนีเซียมจะช่วยดึงแคลเซียมเข้าไปในกระดูก

และ

4. ราคาของอาหารเสริมไม่ควรถูกเกินไป ถ้าถูกเกินไปอาจเป็นวิตามินสังเคราะห์ ซึ่งอันตราย และไม่ควรเลือกแพงเกินไป และที่สำคัญก็คือ อย่าพึ่งพาอาหารเสริมอย่างเดียว ต้องมีอาหารธรรมชาติด้วย

ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์ อย่างการออกกำลังกายแบบ Interval Training ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรให้สิ้นเปลือง แค่การวิ่งสัก 2 นาทีสลับกับเดินอีก 2 นาที ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องประมาณ 20 นาที เพื่อออกกำลังหัวใจและปอดโดยตรง และนี่เป็นการต้านความชรา

3. Healthy Mind
ออกกำลังใจ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

1. ออกกำลังสมอง มีวิธีการง่ายๆ ให้ลองหัดทำอะไรที่ไม่เคยทำ อย่างเคยเขียนหนังสือมือขวา ก็ลองเขียนมือซ้าย หัดแปรงฟันมือซ้าย หวีผมมือซ้าย หรือเล่นกีฬาที่เราไม่เคยเล่น ลองคบเพื่อนใหม่ เพื่อทำให้สมองอีกด้านที่ไม่ได้ใช้ได้ออกกำลัง

2. ออกกำลังใจ เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่มีการวิจัยเพื่อทำให้อายุทางชีวภาพเด็กลง นั่นก็คือ ทำสมาธิ

คุณหมอแนะว่า บางคนอาจไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน จะทำได้ยาก หากทำสมาธิมาถึงจุดหนึ่งจะมีสารความสุขหลั่งออกมา ดร.ริชาร์ด เดวิดสัน (Dr.Richard Davidson) ที่สหรัฐอเมริกาเคยทำวิจัยพระในทิเบตที่นั่งสมาธิเปรียบเทียบกับคนธรรมดา แล้วเอามาสแกนสมอง ปรากฏว่าคนที่ทำสมาธิจะมีสมองที่ไวและหนุ่มกว่าอายุจริง เพราะหัวใจทำงานน้อยลง ไม่เหนื่อยง่าย

"ท่านใดไม่เคยฝึก ก็ลองทำสมาธิแบบง่ายๆ คือ การทำจิตให้อยู่กับปัจจุบัน ถ้ายังทำไม่ได้ ก็อาจหาหนังสือดีๆ มานั่งอ่านเป็นการฝึกจิตให้รู้จักการจดจ่อ หรือจะฟังเพลงก็ได้ อะไรที่ทำให้เราต้องจดจ่ออยู่กับจิต ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิอย่างเดียว

"ถ้าได้ออกกำลังใจ สติปัญญาก็จะเกิด จะรู้จักคำว่า แก่ก่อนแก่ เจ็บก่อนเจ็บ ตายก่อนตาย แล้วเราจะไม่กลัวความตาย คนที่กลัวแก่กลัวเจ็บและกลัวตาย มักจะตายเร็ว แต่ถ้าเราไม่กลัวเราจะไม่แก่เร็ว ทำให้มีสุขภาพที่ดีด้วย อันนี้คือหลักสูตรของ Anti-Aging ที่ฝรั่งไม่เคยสอนเลย แต่พระพุทธเจ้าทรงสอน ทางสถาบันจะมีนโยบายหลักก็คือ Buddha logy หรือเทคโนโลยีทางพุทธ เข้ามา ซึ่งทำให้ชีวิตสมบูรณ์” ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชศาสตร์ กล่าว

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=685712


MVClip เพลงบ่องตรงเจ็บจริงนะ(ฉากกังหันลม) : นาท ซูดาน 21กค57 (nartsudan2014)

048 http://youtu.be/FGdT4_6Yl6k
MVClip เพลงบ่องตรงเจ็บจริงนะ(ฉากกังหันลม) : นาท ซูดาน 21กค57 (nartsudan2014)



เจ้าของลิขสิทธิ์ กระท่อมดินชมดาวเดือน / นาท ซูดาน เต็มใจเสนอ มิวสิควิดีโอ ที่ถ่ายทำจาก ทุ่งดอกกระเจียว ปี 2557
ติดต่อการแสดง 085-4917962
FACEBOOK : นาท ซูดาน
Inbox : https://www.facebook.com/messages/nartsudan
เพลงบ่องตรงเจ็บจริงนะ(ฉากกังหันลม) Music Video Review  ศิลปิน นาท ซูดาน
เมื่อ 21 กรกฏาคม 2557 ที่ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ

อย่าหาข้ออ้างสนับสนุนในการทำผิด

1. "อย่าหาข้ออ้างสนับสนุนในการทำผิด เพราะกฏแห่งกรรม ไม่เคยมีพื้นที่ว่างให้ สำหรับข้ออ้างเพื่อทำผิด"
2. ไม่ว่าใครก็ต้องการกำลังใจ มากกว่าคำทับถม
3. มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่หลอกตนและคนอื่นได้ โดยปากบอกคนอื่นว่า "คิดถึง" ทั้งที่ใจม่ได้คิด
4. ความรักกว่าจะก่อตัวได้ด้วยคำพูดหลายคำ แต่สามารถพังทลายลงได้ด้วยคำพูดคำเดียว
5. ผู้ใดทำให้ใจถึงความเป็นกลาง ผู้นั้นจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
6. เมื่อไหร่ที่เราทำอะไรด้วยจริงใจ และเต็มใจ เราจะมีความสุขในสิ่งที่ทำนั้น
7. ระเบียบแม้เป็นสิ่งที่คนไม่ชอบ แต่มันช่วยจัดระบอบให้คนอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข

ข้อคิดธรรมะ จาก tamdee.net

ทำบุญอะไร ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และทำไมบางคนเกิดมาสวย บางคนขี้เหร่

ทำบุญอะไร ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และทำไมบางคนเกิดมาสวย บางคนขี้เหร่

ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ

๑. หนูอยากถามว่าทำบุญอย่างไรถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ชาตินี้และต้องทำบุญด้วยอะไรถึงจะได้เกิดเป็นมนุษย์ในชาติหน้าอีกคะ

๒. ทำไมบางคนเกิดมาหน้าตาสวยแต่บางคนเกิดมาหน้าตาขี้เหร่ค่ะ รบกวนพระอาจารย์ช่วยอธิบายให้หน่อยน่ะค่ะ หนูอยากทราบค่ะ กราบนมัสการค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - หากปรารถนาที่จะเกิดเป็นมนุษย์ในชาติหน้า ควรรักษาศีล ๕ ให้ครบถ้วน รวมทั้งน้อมใจให้เป็นกุศลเมื่อใกล้ตาย หากจิตสุดท้ายเป็นกุศล ก็จะได้ไปเกิดในสุคติ มี โลกมนุษย์เป็นต้น

ส่วนคำถามที่สองนั้น เป็นคำถามที่นางมัลลิกาเทวีเคยทูลถามพระพุทธเจ้ามาแล้ว ก็ได้คำตอบว่า ผู้ที่ไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความฉุนเฉียวหรือคับแค้นใจ หากมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ย่อมมีรูปงาม ผิวพรรณผุดผ่อง

อย่างไรก็ตามพึงตระหนักว่าความสวยงามภายนอกนั้น นอกจากจะไม่เที่ยงแล้ว ยังมิใช่สาระที่แท้ของชีวิต ไม่สามารถเป็นที่พึ่งในยามทุกข์ได้ จึงไม่ควรติดยึดหรือให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป จนหลงลืมความงามภายใน คือการพัฒนาจิตและปัญญา ให้เปี่ยมด้วยคุณธรรมและความเข้าใจในสัจธรรม นี้ต่างหากที่เป็นสาระที่แท้ของชีวิต

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 10 การเอาชนะใจตน - โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul

ในหลวงในดวงใจ 10 การเอาชนะใจตน
ช่วง"ในหลวงในดวงใจ" ตอน10 (การเอาชนะใจตน) ในรายการวิทยุรักพ่อ โดย ธิดา เวียงสมุทร (Thida Weangsamoot) และ มะลิวัลย์ กี้วิริยะกุล (Maliwan Pukka Keewiriyakul)
ฟังเรื่องราว รากเหง้ารอยเท้าพ่อ, สารคดี ๙ คำพ่อสอน ตอน การเอาชนะใจตน ศุภชัย โกยทรัพย์ นักกีฬาวีลแชร์ ผู้เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่มาฮึดสู้ชีวิตจนติดทีมชาติ ฟัง บทเพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" หรือ "Love at Sundown" , "ครองแผ่นดินโดยธรรม" , "ในหลวงของแผ่นดิน"
http://www.youtube.com/watch?v=jx2_b3CiygU



จากภูผา สู่มหานที ที่หนองใหญ่ (ตอนที่ 1) : 108 วันมหัศจรรย์พอเพียง ตอนที่ 83


ตอนที่ 83 : จากภูผา สู่มหานที ที่หนองใหญ่ (ตอนที่ 1)

จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ วันนี้เครือข่ายจากภูผาสู่มหานที รวมตัวกันที่นี่ ....โครงการพระราชดำริหนองใหญ่ เพื่อสร้างแบบสำเร็จจากประสบการณ์นับสิบปี?ของพวกเขา ให้เกิดขึ้นรวมกัน ณ ที่แห่งเดียว เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้เชิงประจักษ์ ว่าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง นำมาปฏิบัติได้จริง และหลากหลายวิถีทาง แตกต่างกันตามสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม
ผืนดินที่ซื้อด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์?ผืนนี้ กำลังจะกลายเป็นความมหัศจรรย์ของแผ่นดิน เป็นศูนย์ที่รวมหัวใจของพวกเขาไว้ด้วยกัน เพื่อทำสิ่งที่คนตัวเล็กๆ ไม่เคยคิดฝันว่าจะทำได้ ให้สำเร็จ
http://www.youtube.com/watch?v=v2PUYtbz2qI

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

ปู่เบา แรงบันดาลใจในการทำความดี

"ปู่เบา"
ชายชราที่ปฏิญาณตนจะขอเดินตามรอยเท้าของพระเจ้าแผ่นดินในการทำประโยชน์เพื่อบ้านเกิดของตนในบั้นปลายของชีวิต
จากที่ทางเราได้เสนอ ลุงสัมฤทธิ์ ไป วันนี้เราพบกับผู้เฒ่ารักแผ่นดินอีกท่านหนึ่ง

"ปู่เบา"
ชายชราที่ปฏิญาณตนจะขอเดินตามรอยเท้าของพระเจ้าแผ่นดินในการทำประโยชน์เพื่อบ้านเกิดของตนในบั้นปลายของชีวิต

กว่า 20 ปีที่ปู่เบาทำประโยชน์เพื่อสังคมด้วยการเก็บขยะ แม้ว่าเวลาที่ผ่านไปจะฉุดให้แรงกายของปู่เบาลดลงเรื่อย ๆ แต่แรงใจของปู่เบาไม่เคยถูกฉุดลงไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะฝนตก แดดออก ปู่เบาก็ไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ ยังคงเดินหน้าทำงานเพื่อสาธารณะต่อไปตามคำปฏิญาณของตนเอง

แรงบันดาลใจในการทำความดี ทำเพื่อลูกหลาน ทำเพื่อสังคม
#ลงขันความคิดปฏิรูปประเทศไทย #ปฏิรูปสิ่งแวดล้อม

Smile...ยิ่งใหญ่เสมอ

Smile...ยิ่งใหญ่เสมอ

SMILE (ยิ้ม) ย่อมาจากคำว่า
S - Self awareness รู้จักอารมณ์ของตนเอง
M - Manage emotion รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง
I - Innovate inspiration รู้จักสร้างสรรค์อารมณ์ตนเอง
L - Listen with head and heart รู้จักเข้าใจในอารมณ์ของผู้อื่น
E - Enhance social skill รู้จักประสานสัมพันธ์กับผู้อื่น สร้างสังคมที่เกื้อกูล
อาการยิ้ม ยิ้มกับตัวเอง ยิ้มกับผู้อื่น ยิ้มได้ แม้แค่ยิ้มๆในใจ

เพิ่งรู้ว่าแคนตาลูป ต่างสี ต่างแคลลอรี่ ต่างปริมาณน้ำตาล

#เพิ่งรู้ว่าแคนตาลูป ต่างสี ต่างแคลลอรี่ ต่างปริมาณน้ำตาล

แคนตาลูป เป็นพืชตระกูลแตง อยู่ในตระกุลเดียวกับแตงไทย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย คนอินเดียและแอฟริการู้จักกินแคนตาลูปมานานกว่า 4,000 ปี ชื่อแคนตาลูปได้มาจากการนำแตงพันธุ์นี้เข้าไปปลูกในประเทศอิตาลีที่เมืองแคนตาลูโป (Cantalupu) ใกล้กับกรุงโรม ต่อมาพระเจ้าชาร์ลที่ 8 นำไปปลูกในฝรั่งเศส และเรียกว่า “แคนตาลูป” อังกฤษนำไปปลูกบ้าง เลยเรียกชื่อตามภาษาฝรั่งเศส

มีการนำแคนตาลูปเข้ามาปลูกในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2478 เมื่อก่อนเรียกว่า “แตงเทศ” หรือ “แตงฝรั่ง” ด้วยรูปร่างลักษณะคล้ายกับแตงไทย จึงมีบางคนเรียกแคนตาลูปว่า “แตงไทยฝรั่ง” แต่ปลูกแล้วเป็นโรคจึงตายเป็นจำนวนมาก ต่อมาได้มีการพัฒนาพันธุ์ จนสามารถปลูกแคนตาลูปได้ผลผลิตดีเช่นในปัจจุบัน

แคนตาลูปเนื้อสีเขียวหรือเขียวขาว

เป็นพันธุ์ลูกผสมต่างประเทศมีทั้งผิวเรียบและผิวลายตาข่าย ผลสุกเปลือกสีเขียว ครีมเหลือง และเหลือทอง เนื้อมีทั้งเนื้อกรอบและเนื้อนุ่ม รถหวาน และมีกลิ่นหอม เช่น พันธุ์เจดคิด ฮันนี่ดิว ฮันนี่เวิลด์ และวีนัสไฮบริด เป็นต้น

แคนตาลูปเนื้อสีส้ม

ผลมีทั้งผิวเรียบและผิวลายเป็นตาข่าย ผลสุกเปลือกสีครีม และสีเหลือง เนื้อมีทั้งเนื้อกรอบและเนื้อนุ่ม รถหวาน และมีกลิ่นหอมค่อนข้างแรง ได้แก่ พันธุ์ซันเลดี้ ท๊อบมาร์ค นิวเอ็มเมลลอน และนิวเซนต์จูรี เป็นต้น

ประโยชน์ของแคนตาลูป

ในแคนตาลูปสุกครึ่งลูก มีสารอาหารต่างๆ มากมาย มีน้ำตาล มีแคลเซียม 38 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 44 มิลิกรัม เหล็ก 1.1 มิลลิกรัม โซเดียม 33 มิลลิกรัม โปตัสเซียม 682 มิลลิกรัม วิตามินเอมีมากถึง 9,240 I.U., ไนอาซีน 1.6 มิลลิกรัม และวิตามินซีก็มีมากถึง 90 มิลลิกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับส้มเขียวหวานเลยทีเดียว และยิ่งถ้าซื้อแคนตาลูปในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลของแคนตาลูป จะมีสารอาหารจำพวกไรโบฟลาวิน ไนอาซิน ไทอามิน และวิตามินซีสูงเป็นพิเศษ

สารอาหารในแคนตาลูป ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เนื้อผลสุก เป็นยาขับปัสสาวะ ขับน้ำนม ขับเหงื่อ ดับพิษร้อน บำรุงธาตุและสมอง ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ แก้กระหาย สมัยก่อนฝรั่งเชื่อกันว่ากินแตงแคนตาลูปแล้วทำให้สายตาดี และมีสติด จะคิดจะทำสิ่งใดก็ได้ตามความมุ่งหมาย

น้ำแคนตาลูป นอกจากดื่มแก้กระหายคลายร้อน ช่วงเดือนเมษายนได้อย่างดีแล้ว ยังช่วยลดไข้ เพราะแคนตาลูปเป็นผลไม้เย็น ส่วนน้ำตาลและเอ็นไซม์ที่มีอยู่ในแคนตาลูป ยังช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการอักเสบของลำไส้ และบรรเทาอาการท้องปั่นป่วนจากการรับประทานอาหารไม่ตรงตามเวลาได้

ที่มา http://www.lovefitt.com/calories-monitor/แคนตาลูป-ต่างสีต่างพลังงาน/

MVClip เพลงสัญญารักทุ่งกระเจียว(ป่าหินงาม) : นาท ซูดาน 21กค57 (nartsudan2014)

061 http://youtu.be/DzrhzNmVD-s
MVClip เพลงสัญญารักทุ่งกระเจียว(ป่าหินงาม) : นาท ซูดาน 21กค57 (nartsudan2014)



เจ้าของลิขสิทธิ์ กระท่อมดินชมดาวเดือน / นาท ซูดาน เต็มใจเสนอ มิวสิควิดีโอ ที่ถ่ายทำจาก ทุ่งดอกกระเจียว ปี 2557
ติดต่อการแสดง 085-4917962
FACEBOOK : นาท ซูดาน
Inbox : https://www.facebook.com/messages/nartsudan
เพลงสัญญารักทุ่งกระเจียว(ป่าหินงาม) Music Video Review  ศิลปิน นาท ซูดาน
เมื่อ 21 กรกฏาคม 2557 ที่ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ

มีมารอยู่ในจิต จะหงุดหงิดตลอดไป

1.ชนทั้งหลายเศร้าโศก เพราะสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเราทั้งๆที่สิ่งที่ยึดถือนั่น ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เลย
2. มีมารอยู่ในจิต จะหงุดหงิดตลอดไป  มีพระอยู่ในใจ จะสดใสตลอดกาล (พระเทพสุวรรณโมลี)
3. เมื่อไหร่ยอมรับว่า ณ ปัจจุบันนั้น ขมขื่น นั่นอาจเป็นหนทางให้คุณไม่หลอกตัวเองอีกต่อไป เป็นทางแห่งการปลดเปลื้องตัวเองออกจากทุกข์นั้น
4. เรื่องร้ายมาเยือน ถึงจะรู้ตัวว่า กำลังใจดีแค่ไหน หากเจอแต่เรื่องดี ก็ไม่รู้สิว่า จะผ่านเรื่องแย่ไปได้ยังไง
5. หินที่ว่าหนัก ถ้าไม่แบก ก็ไม่หนัก (หลวงปู่ชา)
6. เมื่อไหร่ที่ถูกชักสีหน้าใส่ หรือ ถูกคำพูดแรงๆเข้ากระทบ เมื่อนั้น จะเป็นโอกาสให้เรานึกย้อนถึงเวลาที่ตัวเอง ไปทำไว้กับคนอื่น
7. เคยชินที่จะไม่ทำอะไร ไม่คิดอะไร ผลที่ได้มา คือ ความขี้เกียจ เคยชินที่จะหาโน่นนี่มาคิด มาทำ ผลที่ได้มา คือ ความขยัน และสร้างสรรค์ตนเอง

ข้อคิดธรรมะ จาก tamdee.net

จะเป็นทุกข์เมื่อต้องเจอความจริงที่แปรเปลี่ยนเป็นนิจ

ถ้าเราไม่เห็นความจริงของกายและใจ หรือเห็นความจริงของสิ่งต่างๆ ที่เรียกว่าสังขาร ทั้งรูปธรรม และนามธรรมในลักษณะนี้ เราก็จะเป็นทุกข์เมื่อต้องเจอความจริงที่แปรเปลี่ยนเป็นนิจ

ไม่ต่างจากการเอาตัวไปขวางกระแสน้ำที่เชี่ยว ถ้าเราเอาตัวไปขวางมันเราก็จะถูกน้ำพัดไป

คนเราทุกข์เพราะความยึดมั่นในตัวตนก็เพราะเหตุนี้ เรามักจะสร้างตัวตนขึ้นมาด้วยความไม่รู้ ด้วยความหลง เต็มไปด้วยความอยาก เต็มไปด้วยความยึด เมื่อสร้างแล้วก็อยากและยึดให้มันคงที่ เราจึงปฏิเสธความจริง ขัดขวางความจริง ทวนกระแสความจริงตลอดเวลา เพราะพอยึดอะไรว่าเป็นตัวตน ก็จะนึกว่ามันเที่ยง พอเกิดความแปรเปลี่ยน เราก็เลยเป็นทุกข์

ทุกวันนี้คนเราทุกข์เพราะไม่รู้จักวางใจให้ถูกต้อง เราเอาใจของเราขวางความจริง ขวางความจริงก็ไม่ต่างจากขวางกระแสน้ำ

พระไพศาล วิสาโล

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 09 ความเพียร - โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul

ในหลวงในดวงใจ 09 ความเพียร
ช่วง"ในหลวงในดวงใจ" ตอน09 (ความเพียร) ในรายการวิทยุรักพ่อ โดย ธิดา เวียงสมุทร (Thida Weangsamoot) และ มะลิวัลย์ กี้วิริยะกุล (Maliwan Pukka Keewiriyakul)
ฟังเรื่องราว เรื่องเล่าจากนักศึกษา, สารคดี ๙ คำพ่อสอน ตอน ความเพียร : ประยูร คำชัย ผู้จุดแสงสว่างทางปัญญา และ ชีวิตให้เด็กนักเรียน บ้านแม่โต๋ ฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ "แผ่นดินของเรา" หรือ "Alexandra", "บ้านของเรา บ้านพ่อ" "บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน"
http://www.youtube.com/watch?v=tBeqDVN29I0



โฮมสเตย์ เพื่อการอนุรักษ์ : 108 วันมหัศจรรย์พอเพียง ตอนที่ 82


ตอนที่ 82 : โฮมสเตย์ เพื่อการอนุรักษ์
เกาะพิทักษ์ เกาะที่อยู่ห่างจากฝั่งเพียงไม่ถึง 5 นาที แต่ยังคงรักษาวิถีที่เรียบง่าย และปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่พวกเขาหว­งแหนไว้ได้อย่างสมบูรณ์ วันนี้ธรรมชาติมอบรางวัลกลับคืนให้กับพวกเ­ขา เป็นรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และการให้บริการบ้านพักแบบโฮมสเตย์ ความมหัศจรรย์ของหัวใจที่ตั้งมั่น พวกเขายอมที่จะเดินช้าลง ได้รายได้น้อยลง จากการทำประมงแบบพื้นบ้าน ลด ละ เลิก การทำประมงด้วยเครื่องมือที่ทำลายสภาพแวดล­้อม ตั้งมั่นตอบแทนคุณแห่งท้องทะเล โดยไม่มีใครมาบังคับ วันนี้ ธรรมชาติมอบของขวัญกลับคืนสู่พวกเขาแล้วเป­็นวิถีชีวิตที่เป็นสุขและร่มเย็น เป็นวิถีของ...เกาะพิทักษ์
http://www.youtube.com/watch?v=qkYseydxvzU


พระพุทธทั้งเสียและดี

แม่หมอสมัครเล่นตอนที่38 โดยฟองสนาน จามรจันทร์
พระพุธทั้งเสียและดี


เป็นนายกรัฐมนตรีแค่ไม่กี่วันพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ก็ได้ปล่อยทั้งมุกให้คนเฮฮาแบบพูดตรงถูกใจคนบางกลุ่ม ขณะเดียวกันก็หลุดปากสร้างปัญหาให้กับคนพูดเองไปพร้อมกันอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกรณีเอายางพาราไปขายดาวอังคาร หรือแหม่มนุ่งบิกินี รวมทั้งจู่ๆก็ทำตามเสียงเรียกร้องและยุของนักข่าวคราญเพลงคืนความสุขที่ระเบียงตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลฯลฯ


ในทางโหราศาสตร์หากจะพิจารณาคำพูดของเจ้าชะตาใดจะพิจารณาจากพระพุธ(๔)ตามที่ท่องๆกันมาคือเจรจาอ่อนหวานทายพุธ (รวมทั้งต้องพิจารณาภพที่สองของดวงชะตาที่หมายถึงคำพูดด้วยอีกส่วนหนึ่ง)


หากว่ากันถึงพระพุธล้วนๆแล้ว ทางโหรถือเป็นเทพเจ้าของการติดต่อสื่อสารการพูด การเขียน ความฉลาดในทางโลกและไหวพริบและสติปัญญาด้วย


พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา เกิด วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2497 ไม่ทราบเวลาตกฟากที่แน่นอน แต่ก็พอจะบอกด้านสติปัญญาและคำพูดและวิธีการพูดได้จากพระพุธเดิมในดวงชะตา(๔)ที่มีทั้งส่วนดีและร้ายคือ


1.หลักโหร พระพุธ เป็นตัวแทนความฉลาด ไหวพริบ สติปัญญาในทางโลก หากพระพุธดวงเดิม(๔)อยู่ในระยะห่างจากดวงอาทิตย์ดวงเดิม(๑)ไม่เกิน5องศาเข้าข่ายปัญญาทึบเพราะถูกพระอาทิตย์กลบ ถ้าห่างจากพระอาทิตย์ระหว่าง6-10องศา สติปัญญาปานกลาง ถ้าห่างจากพระอาทิตย์ระยะ11-20 องศา สติปัญญาเฉลียวฉลาด และถ้าห่างจากพระอาทิตย์ระหว่าง21-28องศา ถือว่าฉลาดยิ่ง
เพราะพระพุธดวงเดิมของพลเอกประยุทธอยู่ห่างจากพระอาทิตย์ดวงเดิมประมาณ 15องศา อยู่ในข่ายสติปัญญาเฉลียวฉลาด เพียงแต่จะในทางดีหรือร้ายต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นด้วยคือ


2.หลักทักษา เพราะพลเอกประยุทธเกิดวันอาทิตย์ พระพุธในดวงเดิมโดยพื้นฐานจึงเป็นศรี หรือศิริมงคลวันเกิดตำราบอกจะเจรจราพาทีถูกใจคน พูดจาไพเราะ มีสัมมาคารวะดี เหมาะเป็นนักปฏิคมหรือพวกติดต่อสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ นั่นเป็นส่วนดี


3.พระพุธดวงเดิมสถิตราศีกุมภ์ บ้านเดิมของพระราหู(๘)ซึ่งเป็นคู่ศัตรูกันที่คนเรียนโหรทุกคนรู้และท่องกันติดปาก ว่าพุธอันธพาลวิวาทราหู พลเอกประยุทธจึงมีโอกาสเกิดปัญหาคำพูด หรือไม่ก็เอกสารสัญญาที่ ต้องระวังเป็นพิเศษ
แต่เป็นเพราะพระราหูดวงเดิมที่สถิตราศีธนูบ้านเดิมของพฤหัสบดีเหมือนกับโจรไปอยู่วัด อีกทั้งยังทำมุมดีคือโยคหลังพระพุธ ความเป็นศัตรูก็ลดลง หากบริหารจัดการทำพูดหรือเอกสารสัญญาดีๆ ก็กลับจะให้คุณกับเจ้าชะตา ได้


4.แม้พระพุธดวงเดิมของพลเอกประยุทธจะเข้มแข็งโดยพื้นฐานดังกล่าวข้างต้น แต่ส่วนเสียคือพระพุธที่ราศีกุมภ์ ถูกเกณฑ์พิเศษหรือฤทธิโยคด้านร้ายของพระอังคาร(๓)ดวงเดิมที่สถิตย์ราศีพิจิกก็เต็มที่
ตามนิทานโหรนั้นพระอังคารเป็นดาวที่จองล้างจองผลาญพระพุธชนิดเอาถึงตาย คือพระพุธเกิดเป็นพญาช้างฉัททันต์ พระอังคารเกิดเป็นพรานโสอุดรที่ขุดอุโมงค์ลอบเข้าไปยิงพระยาฉัททันต์ที่ท้องเพื่อจะเลื่อยเอางา พญาฉัททันต์เจ็บปวดทนทุกข์ทรมานมาก สุดท้ายก็ตาย จึงเป็นมูลเหตุของความเป็นศัตรูที่พระอังคารเป็นศัตรูกับพระพุธ
ผลของพระอังคารดาวแห่งความกล้าขยัน รวดเร็วว่องไว นักเลงจริงไม่กระจอก ที่ถึงพระพุธในดวงชะตาของพลเอกประยุทธจึงออกอาการคือพูดเร็วรัวตามลักษณะของพระอังคารนี่เป็นไปโดยพื้นฐาน การพูด
อีกทั้งหากไม่ระวังก็จะเกิดปัญหาจากพระอังคารด้านร้ายที่เป็นตัวแทนของการทะเลาะเบาะแว้งมุทะลุ และประมาทลุกลี้ลุกลน คือพูดแบบผลีผลาม พูดแบบโอษฐภัย บางครั้งเยาะเย้ยถากถาง หรือโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนก่อให้เกิดศัตรู


แต่เพราะตามตำราแล้วพระพุธคือช้างฉัททันต์มิได้ผูกพยาบาทใดๆกับพระอังคารพรานโสอุดรเลยด้วยปรารถนาพุทธภูมิ และเพื่อชดใช้กรรมแต่หนหลังจึงอโหสิกรรมและยินยอมให้พรานตัดงาไปอย่างเต็มใจ


ฉะนั้นพลเอกประยุทธจึงสามารถใช้ความเป็นศรีหรือศิริมงคลวันเกิดของพระพุธลดอิทธิพลด้านร้ายของพระอังคารได้ โดยใช้ความเฉลียวฉลาดและสติของพระพุธพลิกกลับเป็นปฏิภาณฉับไว แก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลุดพ้นได้เก่ง พูดจาฉะฉาน จริงใจ และตอบโต้ได้เด็ดขาด


นั่นคือสุดยอดของวิชาโหราศาสตร์ ที่ไม่สอนให้คนลุ่มหลงงมงาย แต่ใช้เพื่อบอกจุดแข็งของแต่ละดวงชะตาเพื่อที่เจ้าชะตาจะได้เสริมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่หากเป็นจุดอ่อนโหรก็จะบอกเพื่อให้หาทางปิดหรือแก้ไขเสีย

เพราะในที่สุดก็กลับมาที่จุดเดิมคือดวงดาวเป็นเพียงสิ่งบ่งบอก แต่การกระทำและการเลือกเป็นของมนุษย์ รวมทั้งการเลือกทางพูดของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชาด้วย

19 กันยายน 2557

ดวงชะตาพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา (ไม่มีลัคนาหรือเวลาเกิดที่แน่นอน)
ดวงเดิมพระราหู(๘)ทำมุมดีโยคหลังพระพุธ
ดวงเดิมพระอังคาร(๓)คู่ศัตรูส่งเกณฑ์พิเศษหรือฤทธิโยคถึงพระพุธ(๔)

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

คุณกล้า ลงมือทำรึเปล่า : แกะดำทำธุรกิจ

Chutzpah เป็นภาษายิว ความหมายคือความกล้าเสี่ยง

ในปี 1980 Eli Beer เป็นเด็กอายุ 17 ปีอาศัยอยู่ในเมือง Jerusalem เขาทำงานเป็นอาสาสมัครช่วยชีวิตคนที่ประสบอุบัติเหตุ ความที่เมืองเมืองนี้สภาพการจราจรติดขัดมาก ทำให้รถพยาบาลใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาทีไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่ทันการทำให้คนที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

Eli Beer มีความคิดริเริ่มว่าถ้าเขาเปลี่ยนวิธีการช่วยเหลือ ด้วยการสร้างเครือข่ายของผู้คนแล้วให้คนเหล่านั้นไปถึงจุดเกิดเหตุในเวลาที่สััั้นที่สุด เพื่อให้คนเหล่านั้นช่วยปฐมพยาบาลขั้นต้น แล้วรอให้รถพยาบาลมารับไม้ต่อ

เขานำไอเดียนี้ไปเสนอนายของเขา

คำตอบที่ Eli Beer ได้รับคือ “เธอกลับไปเรียนหนังสีอดีกว่า เราไม่ต้องการความคิดริเริ่มของเธอ เพราะมันเป็นไปไม่ได้”

Eli Beer พูดกับตัวเองว่า “พี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

Eli Beer คิดต่อว่าถ้านายเขาไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วยการบอกพิกัดว่าผู้ประสบอุบัติเหตุอยู่ตรงไหน เขาจะหาข้อมูลนี้ด้วยตัวเขาเอง

Eli Beer ซื้อวิทยุสื่อสารที่สามารถดักฟังคลื่นของตำรวจ มีีอยูู่วันหนึ่งเขาได้ยินว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน เขารีบวิ่งไปที่เกิดเหตุ พบคนแก่เลือดไหลท่วมตัว เขาห้ามเลือดด้วยอุปกรณ์พยาบาลที่พกติดตัว แล้วรอให้รถพยาบาลมารับคนบาดเจ็บ

และนี่คือชีวิตแรกที่เขาสามารถช่วยไว้ได้ในสองปีที่เขาทำหน้าที่เป็นอาสาสมัคร

หลังจากนั้นเขาลาออกจากการเป็นอาสาสมัคร แล้วมาตั้งองค์กร Hatzalah United

หน้าที่ขององค์กรนี้คือคอยดักฟังว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ใหน หลังจากนั้นจะกระจายเสียงให้อาสาสมัครที่อยู่ในเครือข่ายของ Hatzalah United รับทราบ ใครก็แล้วแต่ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุจะไปช่วยปฐมพยาบาลเพื่อรักษาชีวิตคนบาดเจ็บให้รอด แล้วรอรถพยาบาลมารับตัวไป

หลังจากนั้น Eli Beer คิดต่อว่าทำอย่างไรรถพยาบาลสามารถเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุได้เร็วกว่า 20 นาที

เขาเป็นคนแรกในโลกที่สร้างรถพยาบาลเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องมีอช่วยชีวิตครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเลือดสำรองจนถึงเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า เป็นรถพยาบาลที่วิ่งบนทางเดินเท้าได้

ด้วยความกล้าเสี่ยง Eli Beer ต้องระดมเงินทุนเพื่อมาช่วยชีวิตผู้คน

ตอนนี้ Hatzalah United มีรถมอเตอร์ไซค์พยาบาลถึง 200 คันทั่วประเทศอิสราเอล และรถเหล่านี้เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุภายในสามนาที

รถมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันสามารถช่วยชีิวิตผู้คนได้ 120 คนต่อปี และด้วยแนวคิดนี้ Eli Beer สามารถช่วยชีวิตพ่อของเขาไว้ได้เพราะพ่อของเขาหัวใจวายเฉียบพลัน

องค์กร Hatzalah United ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย แล้วแนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในอีกสี่ประเทศคือ Brazil, India, Mexico และ Australia

สิ่งดี ๆ เหล่าน้ีจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย ถ้าเด็กอายุ 17 ปีไม่มีคำว่า Chutzpah

คำจัดกัดความของคำว่า Chutzpah ในพจนานุกรรมคือ “คนที่มีความมั่นใจกล้าทำสิ่ง ๆ หนึ่งที่เป็นเรื่องตื่นตระหนกต่อการรับรู้ของผู้อื่น ยิ่งใหญ่ กล้าหาญ เชื่อว่าเป็นจริง และมีความยิ่งผยอง”

ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลกอยู่ในมือของคนทุกคน

ประเด็นก็คือคุณจะลงมือทำหรือเปล่า

♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
ที่มา : แกะดำทำธุรกิจ

วิธีการแก้น้ำเสียจากการให้อาหารปลามากเกินไป

สัตว์)ให้อาหารปลามากไปทำให้น้ำเสีย แก้ไขด้วยน้ำส้มควันไม้หมัก3เดือน 10ลิตร สาดในบ่อดินขนาด1ไร่ ทุก15วัน ปรับสภาพน้ำให้เหมาะสมแก่การเลี้ยงปลา

จาก sms farmerInfo

การปลอมแปลงรถยนต์ ในวันนี้

ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ : เมื่อก่อนนั้น การปลอมแปลงรถยนต์ อาจจะสามารถปลอมแปลงได้สารพัดอย่าง เช่น แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ เครื่องยนต์รถ ตัวถังรถ ประตูรถ พวงมาลัย เป็นต้น สรุปคือสามารถปลอมมันได้ทุกส่วนของรถยนต์ ยกเว้นที่เดียวที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ นั่นก็คือ หมายเลขคัซซีหรือหมายเลขตัวถังรถยนต์ ซึ่งติดมากับตัวถังรถยนต์แต่ละคัน และเลขจะไม่เหมือนกันเลย
แต่ปัจจุบัน กระบวนการปลอมแปลงรถยนต์ มันก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว คือมันสามารถปลอมแปลงหมายเลฃคัซซีหรือหมายเลขตัวถังได้ และปลอมแปลมเหมือนด้วย

การทำให้มะละกอออกลูกดก

พืช)มะละกอออกลูกดกขึ้นด้วยเทคนิคการตัดยอดต้นที่สมบูรณ์+สูงกว่า70เมตรทิ้ง(วัดจากยอดลงมา5นิ้วแล้วตัด)+บำรุงต้นด้วยปุ๋ยหมักและเลี้ยงไว้2ยอด

จาก sms farmerInfo

ความสุขของเพื่อน อย่าเอาทุกข์ไปให้เค้า

ความสุขของเพื่อน...

เห็นรูปถ่ายเพื่อนคนหนึ่ง คนที่มองหน้ากันไม่ได้ ในวันวาน มีเหตุที่ขุ่นเคืองใจกัน.. ไม่ต้องไปหาคำตอบว่าใครถูก ผิด... สิ่งที่ค้างคา ก็ปล่อยไว้อย่างนั้นล่ะ เพราะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

"ทำไม เพราะอะไร เมื่อไหร่" มีคำถามทำนองนี้จากคนขี้สงสัย คงเคยได้ยินได้ฟังคำพูดคนมาบ้าง

สิ่งที่พิมพ์ตอบเค้าไปคือ
"..... "
อยากให้เป็นยังไง ก็ใส่คำตอบเอง ..

เห็นรูปคนที่มองหน้ากันไม่ได้ จนถึงวันนี้ เวลาเค้าอยู่ในหมู่เพื่อนฝูง ก็มีความสุข เพื่อนรักใคร่ เป็นห่วงเป็นใย ดูแลสารทุกข์สุขดิบกันดี ...
" แล้วจะไปทำให้เพื่อนรู้สึกแย่ ทำไมล่ะ"
" ก็มองหน้ากันไม่ได้"
" เพื่อนคนที่รัก ห่วงใยเรา ติดต่อกัน คุยกันก็มี หลายคนเป็นเพื่อนแท้ เพื่อนตายกัน แยกย้ายไปทำงานคนละที่ ไม่ได้เจอกันตั้งเยอะ"

วันเวลาที่มีอยู่ มีโอกาสทำอะไร ทำไปเถอะ อะไรที่เป็นความสุขของเพื่อน ก็อย่าเอาทุกข์ไปให้เค้า ไม่ว่าจะเพื่อนคนไหน ก็อยากเห็นมีความสุขทั้งนั้นล่ะ.

ความทุกข์ แก้ไม่ได้บนเฟซบุค

"ความรักที่มี ไม่ได้เลอเลิศ อะไรเลย ทำไม ถึงมีคนมโน ว่า ดีเลิศประเสริฐศรีนักหนา"
"เห็นมีความสุข สบายใจตลอดนี่นา"

"ความทุกข์ก็มี แต่ก็หาวิธีแก้ปัญหาแก้ทุกข์ให้เบาลง ให้หมดไป ไม่ได้เอาความทุกข์มาบ่นในหน้าเฟซนี่"

ดินสอกับยางลบ

ดินสอกับยางลบ
นานมาแล้ว ดินสอเป็นเพื่อนกับยางลบ ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน...หน้าที่ของดินสอก็คือ เขียน มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ...หน้าที่ของยางลบ คือ การลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ ทุกเวลา..เวลาผ่านไป นานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา
จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า
ดินสอ : เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
ยางลบ : ทำไมล่ะ
ดินสอ : ก็เราเขียน นายลบ แล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย
ยางลบ : เราทำตามหน้าที่ของเรา เราไม่ผิด
ทั้งคู่จึงแยกทางกัน
ดินสอ พอแยกทางกับยางลบ ก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจ แต่พอเวลาผ่านไป ดินสอเริ่มเขียนผิด ข้อความสวย ๆ ที่เคยเขียนก็สกปรก มีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด มันคิดถึงยางลบจับใจ
ฝ่ายยางลบ พอแยกทางกับดินสอ ก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า เพราะไม่มีอะไรให้ลบอีก มันคิดถึงดินสอจับใจ ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่
คราวนี้ ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งที่ดี ส่วนยางลบก็ลบ เฉพาะที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น
ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการ “จำ” ดินสอ ตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้น
ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี
แต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องไม่ดีตัวมันก็จะสกปรก แต่ตอนหลัง มันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี หรือคือการให้อภัยนั่นเอง
ฉะนั้นการเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ ดุจญาติมิตร คือ การจำแต่สิ่งดี ๆ และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง
ขอให้ทุกคนเป็นอย่างดินสอกับยางลบตอนหลังนะ
ผู้เขียนเชื่อว่า ชีวิตคนเราปรับปรุงแก้ไขกันได้ ขอให้เราเรียนรู้ที่ จะมอบความรัก และให้อภัยต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชีวิตก็จะมีความสุข โดยเฉพาะ การที่มีเพื่อนดี ๆ สักคนก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ

กระตุ้นปาล์มน้ำมันให้ผลดก

พืช)เคล็ดลับกระตุ้นปาล์มน้ำมันให้ผลดก น้ำหนักดี ทะลายปาล์มไม่มีหนาม เพียงบำรุงต้นด้วยปุ๋ยโบรอน 150 กรัม/ต้น/ปี ช่วงกลางปี ปีละครั้ง ทำทุกปี

จาก sms farmerInfo

ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ จาก อ.ไกร มาศพิมล

เรื่องดีๆมีไว้แบ่งปัน
โดย อาจารย์ ไกร มาศพิมล (นักโภชนาการบำบัด)

http://youtu.be/TkreU-jK-EU

ความดัน บน ล่าง
110 70
อายุ 50 130 85
อายุ 60 140 90

จิบน้ำร้อน บ่อยๆ ช่วยปรับสมดุลย์ ความดันเลือด, ลดเส้นเลือดสมองตีบ, เบาหวาน, ต้อที่ตา, ไต

จิบน้ำร้อน 1 ถ้วยกาแฟ หรือ 250 CC min.
ก่อนอาหาร ลดความอ้วน

การดื่มน้ำเย็นครั้งละมาก ๆ จะมีผลให้น้ำซึมเข้าสู่สมอง ซึ่งเป็นเหตุของการเกิดภาวะสมองบวมน้ำ

เบาหวาน กิน น้ำตาลธรรมชาติได้ น้ำตาลฟรุตโตส, น้ำตาลปี๊ป (น้ำตาลปึก), โอวทึ้ง, น้ำผึ้ง
หยุด น้ำตาลกรวด, น้ำตาลทรายแดง, น้ำตาลทราย, ซูโครส

น้ำตาลทราย/น้ำตาลกรวด
จะสะสมที่ตับเป็นไขมัน ก่อให้เกิดไตรกลีเซอร์ไรด์
สำหรับน้ำตาลที่ฟอกขาวจะใช้สารคลอลีน ซึ่งมีสารก่อมะเร็ง

ทุเรียน มี Anti - Oxidant, กำมะถัน (งด ข้าว)
ช่วยลดมะเร็ง, ลดคลอเรสเตอรอล, ลดอ้วน, ลดไขมัน, ต้านแก่

น้ำแตงโม = ไวอาก้า ธรรมชาติ
บำรุงเลือด, ละลายลิ่มเลือด ช่วยมือเท้าชา

แกนสับปะรด
มีสารบอบิเรน ลดมะเร็งปากมดลูก โดยให้ดูดแต่น้ำ
แล้วคายกากทิ้ง

กล้วยไข่
หยุดผมร่วง, ป้องกันอัลไซเมอร์, บำรุงสมอง, บำรุงตับ ไต, ป้องกันมะเร็ง, บำรุงกระดูก, บำรุงสายตา, รักษา Office Syndrome

กล้วยน้ำว้า วันละ 2 ลูก เหมือน ๆ กล้วยหักมุก
ปิ้งไฟทั้งเปลือก ลดไข้, ลดเจ็บคอ, บำรุงตับอ่อน, รักษาเบาหวาน, แก้ทอนซิลอักเสบ,

กล้วยหอม (กล้วยเล็บมือนาง) 3 ผล / สัปดาห์ เป็น ฮอร์โมน ญ.
มีโปแทสเซียม ป้องกันโรคพากินสัน และ อัลไซเมอร์, บำรุงสมอง, ป้องกันสมาธิสั้น

น้ำมะพร้าวอ่อน ปรับสมดุลย์ ฮอร์โมน
ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนวันละ 1 ลูก ช่วยฟอกเลือด และบำรุงไต
ส่วนเนื้อมะพร้าวช่วยบำรุงตับ

กะทิ
ลด Cholesterol, ไม่อ้วน, ไม่เบาหวาน,

น้ำมันมะพร้าว
ช่วยลดความอ้วน โดยกินก่อนอาหารเช้า 4 ช้อนกาแฟ
ใช้เป็น Hair Serum ลงหนังหัว, ลดหงอก, เพิ่มผม
ใช้ล้างเครื่องสำอาง
ใช้เป็นเดย์ครีม ไนท์ครีมได้
มี SPF 90 (Sun block)

Oil Pulling
ใช้น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว น้ำมันทานตะวัน ที่ผ่านกรรมวิธีแบบหีบเย็น
ปริมาณ 2 ช้อน อมไว้ประมาณ 15 นาที แล้วบ้วนทิ้ง
จะช่วยนำเชื้อโรคออกจากช่องปาก

หยุด น้ำมันพืช เนื่องจากมีส่วนผสมของสารเคมี
เมื่อน้ำมันพืชเมื่ออยู่ในอุณหภูมิ 60 องศา จะเปลี่ยนสภาพเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
ดังนั้น ควรบริโภคมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันไก่
ตับจะทำหน้าที่ผลิต Cholesterol โดยที่ Cholesterol LDL จะช่วยป้องกันผิวหนัง และผลิต Cholesterol HDL เพื่อดักจับ LDL ไปทิ้ง

การทำน้ำมันหมู
นำน้ำมันหมูเปลว 1 ก.ก. กับเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ เจียวบนกระทะ จะทำให้ไม่ติดกระทะ ไม่กระเด็น ได้น้ำมันเกือบ 2 ลิตร กากหมูจะกรอบมาก เนื่องจากเกลือจะเป็นตัวช่วยดึงน้ำมันออกมาจนหมด
น้ำมันมะพร้าว นำกะทิใส่ถุงแช่ตู้เย็น 3 ช.ม. เพื่อให้เนื้อกับน้ำแยกตัวกัน นำเนื้อมะพร้าวส่วนบนไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมัน เก็บไว้ใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน

การสระผม
ควรสระผมด้วยสบู่เด็ก ควรสระผมช่วงเช้า ไม่ควรสระผมตอนเย็น เพราะผมจะไม่สามารถแห้งได้ทัน เวลานอนจะเกิดเชื้อรากลางคืน เป็นเหตุของอาการคันศีรษะ
และ ลง น้ำมันมะพร้าวที่หนังหัว

เกลือ
การบริโภคเกลือ(เกลือทะเล เกลือเม็ด) ไม่ได้ทำให้ไตวาย แต่เนื่องจากในอุตสาหกรรมการผลิตเกลือที่ขาวละเอียดมีการเติมโพลิเมอร์ โดยหยดลงบนเกลือ ทำให้โครงสร้างจากเดิมโซเดียมคลอไรด์เปลี่ยนเป็นโซเดียมซัลเฟต ซึ่งมีผลต่อไต เพราะไม่สามารถขับออกได้ ซึ่งเกลือชนิดนี้จะโรยบนอาหารแล้วยังคงทำให้อาหารกรอบ แต่ถ้าเป็นเกลือที่เป็นโซเดียมคลอไรด์นั้น จะมีคุณสมบัติดูดความชื้นทำให้อาหารไม่คงความกรอบ

ไมโครเวฟ
การใช้ไมโครเวฟ ระวังมะเร็ง เนื่องจากมีการกระจายคลื่นเข้าสู่เซลมีผลทำให้ตายได้

ตะไคร้แกง
นำมาหั่นแล้วต้มเป็นน้ำตะไคร้ ดื่มเพื่อช่วยลดเบาหวาน

กาแฟ
มีคาเฟอีน มีไว้ดม ไม่ควรกิน เพราะจะมีผลยับยั้งไม่ให้แคลเซียมไปเกาะกระดูก จึงมีโอกาสเป็นโรค กระดูกผุ กระตุ้นเซลมะเร็ง

ไข่
ไข่ต้ม ไข่เค็ม ไข่พะโล้ โดยเฉพาะไข่แดง หากกินวันละ 2 ฟอง
จะช่วยลดน้ำตาลในเลือด (ลดเบาหวาน) เนื่องจากไข่แดงมีซิลิเนียม
งานวิจัยของฮาวาร์ด พบว่าหากบริโภคไข่วันละ 3 ฟอง (อายุต่ำกว่า 45 ปี) ; บริโภควันละ 2 ฟอง (อายุ 45 ปี – 50 ปี) และบริโภควันละ 1 ฟอง (อายุเกิน 50 ปี)
ไข่ต้ม 1 ฟอง มีสรรพคุณสูงกว่านม 5 กล่อง

การออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายทุกวัน ออกกำลังกายอย่างง่าย ๆ เช่น
1. การขยับนิ้วมือ เป็นการช่วยเรื่องน้ำในข้อ ผลที่ได้กระดูกจะไม่ผุ
2. งอนิ้วมือ ช่วยในเรื่องของอาการนิ้วล็อค
3. กำมือและแบมือสลับข้างกันไปมา ช่วยในเรื่องของโรคหัวใจ
และลด Cholesterol
4. นั่งบนเก้าอี้ กำมือ และขยับเท้ายกขึ้นทำท่าวิ่งบนอากาศ
5. นั่งบนเก้าอี้ กำมือ ทุบขาด้านนอก และด้านใน ทุบแขน สลับกันไป
6. การนั่งตรง ๆ นั่งแค่ครึ่งเก้าอี้ ประมาณ 10 นาที ช่วยป้องกันในเรื่องของ
ริดสีดวงทวาร
7. กำมือขวาหมุนเป็นวงกลมออกนอกตัว และกำมือซ้ายหมุนเป็นวงกลมเข้าหาตัว
เป็นการบริหารสมองทั้ง 2 ซีก
8. มือประสานกันสองข้าง ยืดตรงไปข้างหน้า เท้าห่างกันประมาณช่วงไหล
มองตรง แล้วหมุนเอวไปรอบ ๆ ทั้งด้านซ้าย และขวา ครั้งละ 5 รอบ ทำตอนเช้า
จะช่วยลดส่วนเกินตรงหน้าท้อง

เคล็ดลับ รักษาปากเท้าเปื่อยวัวควาย

สัตว์)รักษาปากเท้าเปื่อยวัวควาย เปลือกต้นประดู่1กก. สับชิ้นเล็กๆ ต้มในน้ำเดือด10ลิตร เคี่ยวจนน้ำสีน้ำตาลข้น ทิ้งให้อุ่น กรองเอาน้ำป้ายที่แผล




B-)จาก sms farmerInfo

ผู้ชนะมะเร็ง

ยาวมาก แต่เป็นเรื่องดี อ่านเถอะ

มาฟัง " ผู้ชนะมะเร็ง " กันหน่อยเป็นไร ! ! □

ท่านผู้นี้ชื่อจริง นายไชยวรรณ พิมพนิช คนส่วนมากเรียกติดปากว่าพ่อเลี้ยงวรรณ เป็นคนแม่สอด จ.ตาก มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกมันสำปะหลังปลูกอ้อย ปลูกส้ม สุดท้ายก็มาปลูกกล้วยส่งต่างประเทศ ก็ทำมาสิบกว่าปีแล้ว

มีลูกชายสามคนจบปริญญาโทด้านการเกษตรทั้งสามคน คนโตเรียนพืชไร่ คนที่สองเรียนพืชสวน คนที่สามเรียนส่งเสริมการเกษตร ปัจจุบันอายุก็หกสิบกว่าแล้ว ปกติจะเป็นคนชอบออกกำลังกาย สุขภาพก็แข็งแรงดี เพื่อนๆหรือคนรู้จักจะชมว่าทำไมอายุมากขนาดนี้ถึงแข็งแรงเดินเหินได้สบาย

@ เข้าตรวจอาการที่โรงพยาบาล @

อยู่มาไม่นานเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเกิดอาการปวดที่หลังและไม่หายประมาณ 2 เดือนกว่า รักษาหลายวิธีทั้งแช่น้ำอุ่นและให้หมอนวด ก็ไม่หาย วันหนึ่งไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯเพื่อนเป็นหมอ อาตมาเล่า(ขณะที่เล่า..บวชแล้ว)
ให้เพื่อนฟังว่าปวดหลังมา สองเดือนกว่าแล้วไม่หายสักที เพื่อนก็นิ่งแล้วมองหน้ากันเขาไม่พูดอะไร สักพักเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่าเอกซเรย์หน่อยดีไหม เพราะคนปกติปวดธรรมดาทั่วๆไป กล้ามเนื้ออักเสบเอ็นพลิก ใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ก็หายแล้ว แต่พ่อเลี้ยงวรรณ ปวดจากหลังลามมาถึงหน้าอก 2 เดือนแล้วไม่หายต้องเอกซเรย์หน่อย

พอเอกซ์เรย์เสร็จ ก็เห็นว่ามันมีรอยจุดด่างๆอยู่ 2 จุด หมอบอกว่ายังไม่แน่ใจนะต้องเข้าเครื่องสะแกน เข้าเครื่อง
สะแกน 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่ทราบผล พอออกมาจากเครื่องสะแกนก็กลับบ้าน หมอบอกว่า 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ค่อยมาฟังผล เพราะ
ฟิมล์ผลตรวจจะออกมาวันพรุ่งนี้

รุ่งขึ้น 10 โมงเช้าก็ไปโรงพยาบาล มีหมอ 4-5 คนอยู่ในห้องคุณหมอที่เป็นเพื่อนสนิทกันพูดขึ้นมาว่า ไม่น่าจะเกิดกับเพื่อนเราเลย อีกประมาณ 20 นาทีก็ให้หมอผู้หญิง ที่เป็นหมออายุรกรรมมาบอกว่า พ่อเลี้ยงวรรณ ต้อง (admit) แอดมิด แล้วละ หมายถึงต้องนอนที่โรงพยาบาล

ตกลงวันนั้นก็ต้องนอนโรงพยาบาล หมอก็เอาเลือดไปตรวจเข้าเครื่องอัลตร้าซาวด์ ตรวจคลื่นหัวใจ วันนั้นผลเลือด หมอส่วนใหญ่ก็จะรู้แล้วว่าเป็นมะเร็ง เพราะว่า ค่าPHA (phytohaemagglutinin) ของเลือดอยู่ที่ 300.800 สำหรับคนปกติ จะอยู่ที่ 000.000-4.0000 ถัดไปประมาณ 2-3 วันหมอก็ตัดเนื้อเยื่อไปตรวจ แล้วลงมติว่าเป็นมะเร็ง

หลังจากทราบผลว่าเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลังขั้นสุดท้าย ก็ตกใจช็อกไปประมาณ 20 นาที 20 นาทีที่บอกไม่ถูก เป็น 20 นาทีที่ทรมานมาก ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี ความดันก็ขึ้นไป 180 จากปกติ 110

ถึงขั้นสุดท้ายแล้วจะทำยังไงดี หมอบอกว่าต้องให้คีโม
( เคมีบำบัด ) ต้องฉายแสง ต้องฝังแร่ ก็เลยถามกลับไปว่า ถ้าฝังแร่แล้วอยู่ได้นานเท่าไหร่ หมอบอกว่าอยู่ได้ปีหนึ่งไม่รับรองมากกว่านี้ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่อเมริกา เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง เขาบอกให้ไปที่นั่น เขาจะดูแลให้ ก็ถามเขาว่าไปแล้วจะให้ไปทำอะไร เขาบอกให้ไปฝังแร่ ผมก็ไม่ไป ยังไงหนึ่งปีก็ตายอยู่แล้วจะไปทำไมให้เสียเงิน

@ ตัดสินใจบวชหนีโรคร้าย @

ตัดสินใจเข้าวัดปฏิบัติธรรมอยู่ 1 อาทิตย์ ก็เลยนั่งคิดต่อว่าถ้าอยู่แต่ที่วัดจะรอดไหม น่าจะสู้กับมัน จะต้องสู้ให้ได้ จะต้องชนะ ชีวิตเกิดมาเพียงแค่ชีวิตเดียวอยู่ๆจะมายอมตายง่ายๆได้อย่างไร

ผมคิดขึ้นมาได้ว่ากษัตริย์สีหนุ ท่านเคยเป็นมะเร็ง เมื่ออายุ 40 กว่าปีก่อนไปรักษาที่ต่างประเทศเวลานี้อายุตั้ง 90 ปียังมีชีวิตอยู่ คิดถึงตรงนี้ เลยโทรศัพท์หาน้องที่เป็นกงสุลใหญ่อยู่ต่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลทราบว่าที่ประเทศที่สาม
( เกาหลีเหนือ ) มีสถานที่บำบัดมะเร็งจริงแต่การเดินทางไปลำบากมาก

@ หนีความตายไปประเทศที่สาม @

มะเร็งระยะสุดท้าย ฟังแล้วน่ากลัวจริงๆ หนทางรอดแทบไม่มี จึงตัดสินใจทำพินัยกรรมให้ลูกๆแล้วรวบรวมเงินทองที่หามาได้ตลอดชีวิตเดินทางไปประเทศที่สามเผชิญความตายด้วยใจสงบ ถ้าโชคดีคงได้กลับมาอีกมันเป็นภาวะจนตรอกที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ถึงแม้ชีวิตของคนเราจะเกิดมาแล้วต้องตายกันทุกคน แต่ถึงวินาทีนั้นคนเราต่างก็กลัวความตายโดยสัญชาตญาณ อยากจะยืดชีวิตต่อลมหายใจออกไปอีก

นั่งเครื่องบินไปลงที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วจึงนั่งรถยนต์ไปอีก 8 ชั่วโมง แทบเอาตัวไม่รอดสุดทรมานโดยเฉพาะช่วงที่นั่งบนเครื่องบิน นั่งพิงเบาะไม่ได้ ปวดหลังอึดอัดทรมานมากนั่งเอามือเกาะเบาะด้านหน้าร้องโอดครวญตลอดการเดินทาง น้ำตาลูกผู้ชายมันหยดไหลอย่างไม่รู้ตัว นึกในใจว่าการเดินทางครั้งนี้คงไม่ได้กลับเมืองไทยอีกแล้ว ยิ่งช่วงการเดินทางโดยรถยนต์ไปยังประเทศที่สาม ลำบากมากทั้งเจ็บปวดสุดทรมานตลอดการเดินทาง 8 ชั่วโมงเต็ม

ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์บำบัดตั้งอยู่บนเขา ผู้ที่มาบำบัดรักษาส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป อเมริกา อาหรับ ญี่ปุ่น คนไทยมีอาตมาเพียงคนเดียว เน้นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ใช้แสงตะวัน ใช้สายน้ำ ใช้หิมะ อาหารทุกอย่างต้องสด

คนป่วย 1 คน จะมีพยาบาลประจำตัว 1 คนดูแลเราอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เช้า 05.00-20.00 น.ไปไหนไปด้วยกันนอนด้วยกัน ดูแลทุกย่างก้าว เข้าห้องน้ำก็ไปนั่งเฝ้า เป็นพี่เลี้ยงตลอด อาบน้ำก็ไปดูว่าน้ำได้อุณหภูมิไหม อุ่นพอไหมเย็นพอไหม อาหารการกินก็กินโอสถ เน้นธรรมชาติล้วนๆ อยู่ที่นี่ยาสักเม็ดก็ไม่มี

ศูนย์ธรรมชาติบำบัดแห่งนี้ จะมีคอร์สบำบัดรักษา 30 วัน 60 วัน และ 90 วัน ของผม 30 วันอาการก็ดีขึ้นมาก ผิดกับตอนที่มาใหม่ๆ เจ็บปวดจนทนไม่ไหว คนที่มาที่นี่ป่วยเป็นมะเร็งทุกชนิดบางคนปฏิบัติตัวได้ตามที่เขาให้ทำให้กินก็ประสบความสำเร็จ

ในแต่ละวันตื่นเช้าขึ้นมาประมาณ 05.00น.ก็จะเอาน้ำโอสถมาให้ดื่ม 1 ลิตร รสชาดจืดชืดสีเขียวเข้ม เวลาประมาณ 06.30น. ก็จะพาไปเดินออกกำลังกาย แล้วพาไปรับแสงตะวัน เรียกว่าแสงตะวันบำบัด นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่ง ไปกลับวันละ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะพาเดินบนหิมะประมาณ 1 ชั่วโมงทุกวัน เสร็จแล้วมาประคบน้ำอุ่นที่ฝ่าเท้า ถามเขาว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ เขาบอกว่าเพื่อสร้างภูมิภูมิต้านทานขึ้นมา บางคนก็ทำไม่ได้ ทำได้ประมาณ 20-30 % แต่ของอาตมาอาศัยเป็นนักกีฬาเก่า วันแรกก็ไม่ไหวเหมือนกันเย็นจัด วันที่สองวันที่สามก็เริ่มทำได้ และทำได้มาตลอด พอทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีขึ้น ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ

สำหรับโอสถสีเขียวเข้มจะดื่มช่วงเช้า 1 ลิตร บ่าย 1 ลิตร ตอนเย็นอีก 1 ลิตร และก่อนนอนอีก 1 ลิตร วันหนึ่งจะดื่มโอสถวันละ 4 ลิตร น้ำนี้น่าจะเข้าไปช่วยกำจัดอาจจะเป็นน้ำที่เชื้อมะเร็งไม่ชอบ เอาไปล้างพิษในร่างกายออกมา
เพราะเรากินเข้าไปวันละตั้ง 4 ลิตรก็ต้องมีการถ่ายเทออกมา แต่เป็นเรื่องที่แปลกนะ เวลาเรากินน้ำกินยาแคปซูลอะไรก็แล้วแต่ เวลาเราปัสสาวะออกมาจะเป็นสีเหลือง แต่เวลาเราดื่มโอสถพวกนี้เวลาปัสสาวะออกมาก็ยังใส แสดงว่ามันเอาไปใช้หมด เป็นเรื่องที่แปลก ใสกว่าปกติด้วยซ้ำไป

ช่วงไปอยู่ทีนั่นใหม่ๆนอนหงายไม่ได้ มันปวดหลังมากต้องนอนคว่ำเหมือนจระเข้ หลังมันปวดร้าวไปหมดเพราะถูกมะเร็งทำลายไปเยอะรวมไปถึงหัวเข่าด้านซ้ายด้วย เวลานั่งหลังก็พิงไม่ได้

เรื่องอาหารการกิน เขาจะให้ทานข้าวบาร์เลย์ กับข้าวก็เป็นกับข้าวพื้นๆไม่มีอะไรมากมายเน้นผักเป็นส่วนใหญ่ ผักที่นี่เขาปลูกเอง ปลูกในกระโจม ปรับอุณหภูมิและไร้สารพิษ ดินที่ใช้ปลูกเปลี่ยนทุก 3 เดือน

เขาบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดล้วนๆแต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก ค่าใช้จ่ายต่อวันเขาคิด 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ผมอยู่ที่นี่ 30 วัน ปฏิบัตตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดมีระเบียบวินัย ถึงเวลาออกกำลังกายก็ต้องออก พักผ่อนก็ต้องพักผ่อน ถึงเวลากินก็ต้องกิน มั่นใจว่าดีขึ้นแน่ อาการป่วยของผมดีขึ้นตามลำดับ เพียง 10 วันแรกเราจะสัมผัสได้เลยว่าเรามาถูกทางแล้วอาการปวดเริ่มลดลงๆ ร่างกายแข็งแรงขึ้น ผิดกับวันแรกๆที่นอนร้องโอดโอยตลอดเวลา พอร่างกายแข็งแรงก็ขยับตัวเองไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยคนอื่นต่อ ก็คิดว่าเราน่าจะนำวิชาความรู้เหล่านี้ไปช่วยเหลือเพื่อนคนไทยที่ต้องทุกข์ทรมานกับมะเร็งร้าย ถ้าจะให้ดีต้องบุกครัวเข้าไปช่วยในครัวจะได้จดจำโอสถยาให้ได้ แต่โชคร้ายเขาไม่อนุญาต

ผมจึงตัดสินใจว่าไหนๆก็เดินทางมาถึงที่สุดของชีวิตแล้ว จึงทรุดตัวลงคุกเข่าก้มกราบเขาจนกระทั่งเขาสงสาร จึงอนุญาตให้เข้าไปช่วยในครัว
คิดถึงบ้านขอกลับ

ผมรู้สึกร่างกายเราแข็งแรงแล้วเราไม่ตายแล้ว คิดถึงบ้านก็เลยขอกลับ เขาก็มาตรวจร่างกาย เขาบอกร่างกายแข็งแรงดีเขาก็ให้กลับ

ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องบินก็คิดว่าเราน่าจะกลับไปช่วยคนที่เป็นมะเร็งได้ เพราะคนที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง
ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตรงไหนก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ 90 % จิตใจมันตายแล้ว มันเหลือแค่ 10 % เท่านั้นในร่างกาย จะมีสักกี่คนที่ใจสู้แล้วยอมหาวิธีรักษาตนเอง มีน้อยมาก ผมตั้งใจว่าถ้ากลับถึงเมืองไทยจะช่วยคนที่เป็นมะเร็ง ถึงช่วยได้ไม่ถึง 100 % ช่วยได้ 50 % ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว

กลับมาเลยปรึกษาญาติๆว่าจะตั้งมูลนิธิเป็นของตัวเองชื่อว่ามูลนิธิวรรณ จุดเป้าหมายก็คือ ดูแลพวกที่เป็นโรคร้ายเกี่ยวกับมะเร็ง ส่งเสริมให้การศึกษาเด็กดีขยันเรียน คืนป่าให้แผ่นดิน มูลนิธิเราคงมีรายได้จากการปลูกผักไร้สารจากอำเภอแม่สอดจังหวัดตากส่งมาขายที่กรุงเทพฯ หลายคนพอทราบข่าวก็ยินดีให้การสนับสนุน

หลังจากกลับจากต่างประเทศแล้วก็ไปตรวจร่างกายตรวจเลือดที่โรงพยาบาลที่เคยตรวจ ผลเลือดที่เรียกว่า PHA ( ช่วงที่ป่วยก่อนรักษาอยู่ที่ 311.800) หมอใช้เวลาตรวจ 6 ชั่วโมง วัดได้ 5.090 ต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม 2550 ไปตรวจอีกครั้งวัดได้ 0.268 หมอไม่แน่ใจส่งเลือดไปให้โรงพยาบาลอีก 2 แห่งตรวจอีก ผลการตรวจออกมาตรงกันหมด ถือว่าเยี่ยมแล้ว คนปกติทั่วไปที่ไม่มีเชื้อมะเร็ง จะอยู่ที่ 0.000-4.000 ของเราเลือดดีกว่าคนปกติอีก

หมอถามว่าไปทำอะไรมา อาตมาบอกไปรักษามา อาตมาไม่ยอมตาย คิดว่ามะเร็งยังหลบอยู่ในตัวเรา แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหน เราก็ไม่ชะล่าใจ มะเร็งเกิดจากภูมิบกพร่องของชีวิต มันต้องการอาหาร อาหารโปรดของมันคือ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด ซึ่งเราก็ไม่ให้มันกินเลย

มะเร็งถ้าเราไม่ให้อาหารมัน มันก็จะฝ่อ และอ่อนแรง เราไม่ให้กินนานๆเข้ามันก็จะตายในที่สุด บ้านเราผู้ป่วยใหม่ที่เป็นมะเร็งมี 284 คน/วัน ตายชั่วโมงละ 11 คน เราต้องมาปรับเปลี่ยนวิธีกินอยู่กันใหม่

การเจริญเติบโตของมะเร็ง เขาจะก้าวกระโดด จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 จาก 8 เป็น 16 บวกขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นคนที่ป่วยเป็นมะเร็งส่วนใหญ่ที่ตายเพราะโลเล ตัดสินใจไม่เด็ดขาด มะเร็งหยุดได้ถ้าใจสู้”

“ เราต้องมีวินัยถ้ามีวินัยเราสามารถหยุดมะเร็งได้ ต้องยึดกฎเหล็กดูแลเรื่องอาหารการกิน การปฏิบัติตัว สิ่งแวดล้อมอากาศบริสุทธิ์ การออกกำลังกาย ผมอาจจะมีบุญเพราะเป็นมะเร็งแต่ไม่เคยคิดว่าเป็นมะเร็ง คิดอยู่อย่างเดียวว่าทำอย่างไรถึงจะชนะ ทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตที่ยืนยาวดูแลลูกเต้าต่อไป ไม่เคยกังวลเลย
แล้วเรื่องพืชผักต้องไร้สารจริงๆไม่ใช่ปลอดสาร ไร้สารคือดูแลการปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนเก็บเกี่ยวจะไม่ใช้ยา แต่ถ้าปลอดสารคือใช้เคมีพอใกล้วันเก็บเกี่ยวประมาณ 15 วันก็จะหยุดใช้สารเคมีอันนี้ไม่ปลอดภัย จะมีสารตกค้างตามมา”
มะเร็งไม่น่ากลัวอย่างที่คิดถ้าเรารู้จักวิธีป้องกันดูแลสุขภาพเราก็สามารถชนะมันได้ขอเพียงอย่างเดียวจิตใจต้องเข้มแข็ง

บางรายเกิดวิตกจริตนอนไม่หลับเพราะญาติพี่น้องเสียชีวิตเพราะมะเร็งไม่รู้จะถึงตัวเองเมื่อไหร่ หลายรายทำตามคำแนะนำของพ่อเลี้ยงวรรณอาการดีขึ้นทันตาเห็น

ปัจจุบันพ่อเลี้ยงวรรณมีโครงการสร้างศูนย์ธรรมชาติบำบัดที่สวนเกษตรของพ่อเลี้ยงเองที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
ผมเลยแนะนำพ่อเลี้ยงให้สร้างหิมะเทียมขึ้นเอง ในอนาคตเราคงได้เห็นศูนย์ธรรมชาติบำบัด ของมูลนิธิวรรณ ในเมืองไทย ซึ่งที่ อ.แม่สอด จ.ตากอากาศดีมาก นอกจากได้สูดอากาศบริสุทธ์แล้วยังมีแปลงเกษตรไร้สารพิษอีกด้วย

พ่อเลี้ยงวรรณมีปณิธานว่าสำหรับผู้ยากไร้ มูลนิธิวรรณจะรักษาให้ฟรี สำหรับผู้มีอันจะกินให้สนับสนุนค่าโอสถเพียงวันละ 100 บาท ทางมูลนิธิจะจัดส่งโอสถไปให้ เรียกว่าคนมีฐานะช่วยคนด้อยโอกาสนะครับ ถ้าท่านอยากทราบรายละเอียดและขอคำ
ปรึกษาเรื่องการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม ติดต่อมูลนิธิวรรณ(ปัจจุบันลูกชาย-ภรรยาดูแลอยู่) เลขที่ ๓/๖๘๑ ประชานิเวศน์ ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ ลาดยาวจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๑๕๘-๐๖๕๘

ช่วยกันเผยแพร่นะ ได้บุญหลาย

วิธีดูแลฟันให้ขาวสะอาด

พืช)วิธีดูแลฟันให้ขาวสะอาด นำเปลือกด้านในกล้วยหอม มาขัด ถู ผิวฟันให้ทั่ว ประมาณ3นาที ทำเป็นประจำเพื่อรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจมากยิ่งขึ้น

จาก sms farmerInfo

จะมีใครรักคุณจริงๆมั้ย

จะมีใครรักคุณจริงๆ..

เกิดมาคนละพ่อ ละแม่ เมื่อต้องมารักกัน เป็นแฟนกัน หลายคน คิดว่าคนนี้ คือ คนที่ใช่ แต่พอนานไป กลับแปรเปลี่ยนเป็นคนอื่น... จนถึงขั้นเลิกร้างรากันไป...

แล้วจะมีใครรักคุณจริงรึเปล่า คุณจะเจอคนนั้นมั้ย...

หลายคน มีรัก เพื่อการมีเพศสัมพันธ์
หลายคน มีรัก เพื่อบำบัดอารมณ์ ความใคร่
หลายคน อยากมีรัก เพื่อต้องการมีใครสักคน
หลายคนมีรัก เพราะชีวิตถูกลิขิตมาอย่างนั้น..

แน่นอน ทุกคนต้องการคนที่จริงใจ ซื่อสัตย์ และรักเดียวใจเดียว.. ถ้าคุณอยากได้แบบไหน คุณต้องทำตัวแบบนั้นด้วย..

คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของคุณ ก็อยากจะเจอคนที่ซื่อสัตย์ จริงใจ เช่นกัน.

นี่พูดถึง คู่ชีวิตนะ ไม่ใช่คู่ขา หรือ คู่นอน ที่คุณสองคนจะพากันไปเข้าโรงแรม ไปนอน ไปกอดปล้ำ มีเซ็กซ์กัน จะถ่ายคลิปเก็บไว้ โชว์ลีลาตอนได้เสียกัน หรือ จะโชว์อวัยวะ.อวดของๆมึง .. แบบนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราพูดถึงในที่นี้

คู่ชีวิต คือ คนที่จะอยู่กับคุณ สร้างครอบครัว ดูแลกันและกันจนตายจากกันไป อาจจะอยู่กันยาวนาน 10 ปี 20 ปี 30 ปี หรือนานมากกว่านั้น

การจะค้นหาคนที่รักคุณจริงๆ ต้องใช้ความพยายามมากพอสมควร เพราะสังคมสมัยนี้ มันเหี้ย มันมั่วสุดๆ แต่มันก็คงไม่เกินความพยายามในการค้นหาคนจริงใจ..

จะมีใครรักคุณจริงๆมั้ย ก็อยู่ที่ตัวของเราเองล่ะ...