โดย...นิติทัศน์ ธรรมชัย
หลังจากรัฐบาลใช้กำลังทหารนับหมื่นคน
กระชับพื้นที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์
แกนนำคนเสื้อแดงก็ยินยอมประกาศยุติการชุมนุม
เพราะเกรงว่าพวกตนจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต
แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที
มวลชนคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งซึ่งถูกแกนนำปลุกปั่นยุยงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
นานนับปี ได้ปฏิบัติการเผาบ้านเผาเมืองอย่างบ้าคลั่ง
ตามแผนการที่แกนนำเคยปลุกปั่นยุยงและชี้นำสั่งการไว้ล่วงหน้า
จนกระทั่งเกิดการจลาจลและเกิดความเสียหายไปทั่วประเทศ
ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด
ในส่วนของแกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกจับกุมและเข้ามอบตัวนั้น
ก็คงต้องถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานร่วมกันเป็นผู้ก่อการร้าย
เป็นกบฏในราชอาณาจักร ปลุกปั่นยุยงให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมาย
ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
ร่วมกันใช้หรือก่อให้ผู้อื่นวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนและสถานที่ราชการ
รวมทั้งข้อหาอื่นๆ ต่างกรรมต่างวาระกันอีกหลายข้อหา
ส่วนผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ถูกจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ได้ถูก
ดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุม ตาม
พ.ร.ก.การปฏิบัติราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
บ้างก็ถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว
แต่ ผู้เข้าร่วมชุมนุมที่อยู่ร่วมกับแกนนำคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ซึ่ง
เป็นที่ชุมนุมหลักตลอดมา จนกระทั่งแกนนำสั่งให้ยุติการชุมนุม
กลับไม่ต้องถูกดำเนินคดีใดๆ
รัฐบาล ไม่เพียงแต่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โดยไม่ดำเนินคดีแก่กลุ่มผู้ชุมนุมโดยผิดกฎหมาย
อันถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติที่เป็นสองมาตรฐานแก่ผู้ชุมนุมเท่านั้น
แต่รัฐบาลยังใจดีจัดหารถโดยสารปรับอากาศไปส่งถึงบ้าน
และบางคนยังได้รับเงินค่าเดินทางจากทางราชการ 200 บาท เป็นของแถม
ทั้งๆ ที่มีแนวโน้มว่า หากมีคนปลุกปั่นยุยง
คนเหล่านี้ก็พร้อมจะกลับมาชุมนุมก่อความวุ่นวายอีกครั้ง
เหมือนกับที่เคยปฏิบัติมาเมื่อเดือนเมษายน ปี 2552
ที่รัฐบาลจัดหารถส่งคนกลุ่มนี้กลับบ้าน
นอกจากนั้น
ผู้ร่วมชุมนุมโดยผิดกฎหมายที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายจำนวนหนึ่งก็ยังได้รับเงินค่าทำขวัญจากทางราชการอีกด้วย
ถึงวันนี้รัฐบาลยังมีการคิดจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กลุ่มคนดังกล่าวอีก
ก็ไหนบอกว่าจะรักษากฎหมาย จะปกครองประเทศด้วยระบบนิติรัฐไงล่ะ?
เมื่อกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้งไม่ต้องถูกดำเนิน
คดีอาญา และไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ
เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่กลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก
ทั้งยังได้รับการดูแลด้วยการนำเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชนไปใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว
ใน ฐานะประชาชนผู้เสียภาษีอย่างผมย่อมเกิดความข้องใจว่า
ทำไมรัฐบาลจึงนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์แก่ผู้กระทำความ
ผิดที่ส่วนมากยังมิได้รู้สำนึก
และพร้อมจะก่อความวุ่นวายจนถึงขั้นจลาจลได้ทุกเมื่อ
สำหรับความเสียหายนับพันนับหมื่นล้านบาทที่เกิดขึ้นแก่เจ้าของกิจการ
และประชาชนในบริเวณใกล้เคียงกับที่ชุมนุมนั้น
แม้รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้
ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่น่าเห็นใจก็จริงอยู่
แต่การให้ความช่วยเหลือด้วยการนำเงินงบประมาณแผ่นดินออกมาใช้ในรูป
แบบต่างๆ โดยไม่พูดถึงการเรียกร้องให้ผู้ก่อความเสียหายรับผิดชอบแต่ประการใดนั้น
รัฐบาลจะให้คำตอบแก่ประชาชนผู้เสียภาษีได้อย่างไร
อัน ที่จริงแล้ว ผู้เสียหายส่วนหนึ่ง
โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นนักธุรกิจรายใหญ่นั้นย่อมมีศักยภาพเพียงพอที่จะฟ้อง
ร้องดำเนินคดีแพ่งแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
และบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ขึ้นเวทีสนับสนุนการชุมนุมโดยผิดกฎหมายที่สี่
แยกราชประสงค์ เพื่อให้ร่วมกันรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย
อันเป็นความเสียหายโดยตรงที่เกิดขึ้นจากการปลุกระดมให้ประชาชนก่อการจลาจล
ได้
และบรรดาผู้มีส่วนร่วมก่อให้เกิดความเสียหายข้างต้น
ก็มีทรัพย์สินมากมายเพียงพอที่จะยึดหรืออายัดเพื่อนำมาชดใช้ค่าเสียหายได้
แต่ดูเหมือนว่า รัฐบาลคิดง่ายๆ แต่เพียงว่า
จะนำเงินงบประมาณแผ่นดินที่ได้มาจากภาษีอากรและการกู้ยืมจากแหล่งต่างๆ
ไปใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น
โดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชนผู้เสียภาษี
ดังนั้น หากรัฐบาลจะนำเงินงบประมาณแผ่นดินไปช่วยเหลือเจ้าของกิจการที่ได้รับความ
เสียหายจากการชุมนุมอย่างมีเหตุมีผล
และไม่ทำร้ายความรู้สึกของประชาชนผู้เสียภาษี
ก็น่าจะช่วยเหลือโดยการสำรองจ่ายเงินบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ได้
รับผลกระทบจากการชุมนุม
โดยกำหนดเงื่อนไขให้กลุ่มบุคคลที่ได้รับความเสียหายต้องใช้สิทธิฟ้องร้อง
เรียกค่าเสียหายจากกลุ่มบุคคลที่ก่อให้เกิดความเสียหายข้างต้น
แล้วนำเงินที่ได้รับชดใช้ตามคำพิพากษามาชดใช้คืนเงินงบประมาณแผ่นดิน
เพราะสภาทนายความแห่งประเทศไทยก็พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับ
ความเดือดร้อนจากการชุมนุมอยู่แล้ว
เพื่อดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งอยู่แล้ว
นอก จากนั้น รัฐบาลจะต้องสั่งให้หน่วยงานของรัฐ
และกรุงเทพมหานครดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทรัพย์สิน
ของทางราชการจากกลุ่มคนดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ จะได้เป็นการลงโทษแก่ผู้เป็นแกนนำการชุมนุมและบรรดานักการเมืองที่เกี่ยว
ข้องผู้เป็นต้นเหตุให้เกิดความเสียหายที่แท้จริง
การ ที่รัฐบาลนำเงินงบประมาณไปใช้ในการก่อสร้างอาคาร
หรือซื้อวัสดุครุภัณฑ์ใหม่แทนของที่ถูกกลุ่มคนร้ายเผาทำลาย
โดยไม่สนใจที่จะเรียกร้องให้กลุ่มคนที่เป็นต้นเหตุก่อให้เกิดความเสียหาย
เป็นผู้รับผิดชอบนั้น
ก็เท่ากับ
ว่ารัฐบาลกำลังลงโทษประชาชนผู้เสียภาษีแทนการลงโทษคนร้าย
โดยไร้จิตสำนึกความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ปกป้องรักษาผล
ประโยชน์ของประเทศชาติ
และผู้ บริหารหน่วยงานที่รับผิดชอบในทรัพย์สินที่เสียหายก็ต้องมีความผิดฐานละเว้น
การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น