++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สามภัยที่คุกคามความมั่นคงของประเทศ

โดย สิริอัญญา 15 กรกฎาคม 2553 18:11 น.
ร่าง กายที่อ่อนแอย่อมเป็นบ่อเกิดของโรค และโรคภัยย่อมรุมเร้าเอากับผู้ที่ร่างกายอ่อนแอฉันใด ประเทศที่อ่อนแอก็จะถูกโรคภัยคุกคาม นั่นคือการถูกเบียดเบียนทั้งภายนอกและภายในที่เป็นอันตรายต่อเอกราชอธิปไตย และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ

ดังนั้นคนเราเมื่อจำเป็นต้องประพฤติปฏิบัติตนเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคฉันใด ประเทศชาติก็ต้องประพฤติปฏิบัติเพื่อให้มีความแข็งแรงปราศจากภัยคุกคามฉัน นั้น

แต่ ทว่าบ้านเมืองของเราในวันนี้ดูเหมือนว่ามีอาเพศวิปริตวิปลาสเกิดขึ้นเป็นอัน มาก เพราะภัยที่คุกคามบ้านเมืองของเราอยู่นั้นมีมากหลาย แต่ละเรื่องแต่ละราวล้วนร้ายแรงและเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อบ้านเมือง แต่กลับไม่มีการป้องกันระมัดระวังหรือรักษาแก้ไขให้เป็นปกติแม้แต่น้อย

เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อไป ในที่สุดถ้าเป็นร่างกายของคนเราก็คงต้องแตกสลายถึงแก่ความตาย บ้านเมืองก็จะถึงกาลล่มสลาย สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินได้เหมือนกัน จึงอย่าได้ดูเบาเป็นอันขาด เพราะเหตุนี้จึงจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวให้เพื่อนร่วมชาติได้รับรู้ว่าบ้าน เมืองของเรานี้มีภัยอันตรายใหญ่หลวงที่คุกคามอยู่อย่างรุนแรงถึง 3 เรื่อง คือ

เรื่องแรก เป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเราเลย หลังจากสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว นั่นคือการเสียดินแดนให้กับต่างชาติ ซึ่งในยุคนั้นไทยจำเป็นต้องเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้

แต่ วันนี้เรากลับจะเสียดินแดนให้กับประเทศเล็กๆ อย่างเขมร แต่มูลเหตุแท้จริงของการเสียดินแดนนั้นก็คือผลประโยชน์มหาศาลที่มีการเอาผล ประโยชน์ของประเทศไทยไปเป็นเครื่องล่อใจให้ชาติต่างๆ สนับสนุนในการแย่งยึดดินแดนไทย

ดินแดนที่เราจะต้องเสียให้แก่เขมรมี 3 พื้นที่สำคัญ คือ

พื้นที่แรก ได้แก่พื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เป็นเนื้อที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งได้เสียทางพฤตินัยให้แก่เขมรไปก่อนหน้านี้แล้ว และกำลังจะเสียโดยนิตินัยอย่างสมบูรณ์ในราววันที่ 25 กรกฎาคม ศกนี้ คือทันทีที่คณะกรรมการมรดกโลกยอมขึ้นทะเบียนปราสาทและแผ่นดินนั้นเป็นมรดก โลกในฐานะที่เป็นของเขมร

พื้นที่ที่สอง ได้แก่ พื้นที่ตลอดแนวชายแดนตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานีเรื่อยลงมาจนถึงจังหวัดตราด ตามแนวแผนที่ของเขมร อัตรา 1:200,000 ซึ่งรัฐบาลไทยสมัยหนึ่งได้ยอมรับแผนที่นั้น และมีการปักหลักเขตเรื่อยลงมา เป็นเนื้อที่ที่จะต้องสูญเสียทั้งสิ้นประมาณ 1,800,000 ไร่

ในวันนี้เขมรได้อพยพครอบครัวโดยมีทหารเขมรนำทางและสนับสนุนคุ้มครอง ป้องกันเข้ามายึดดินแดนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมาก โดยออกโฉนดที่ดินให้แก่ครอบครัวเขมร ครอบครัวละ 20 ไร่ พร้อมด้วยเงินจำนวนหนึ่งและอุปกรณ์การก่อสร้างบ้านเรือน

มีการซักซ้อมอพยพราษฎรไทยออกจากพื้นที่ที่เคยปกครองทำมาหากินกันมา แต่ครั้งบรรพบุรุษอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่อันเป็นที่อยู่ที่กินมาแต่ครั้งบรรพบุรุษโดย ฝ่ายเขมรเป็นผู้ขับไล่เอง จนมีการร้องเรียนกันจ้าละหวั่นอยู่ในขณะนี้ แต่หามีใครสนใจไยดีไม่

พื้นที่ที่สาม ได้แก่พื้นที่ในอ่าวไทย ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานที่มีมูลค่ามหาศาลกว่า 5 ล้านล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์กันคนละครึ่งกับเขมร แต่ในวันนี้เขมรได้กล่าวอ้างว่าอยู่ในพื้นที่ของเขมร และนำออกให้สัมปทานแก่ชาติมหาอำนาจต่างๆ หลายชาติ อันเป็นการเอาผลประโยชน์แห่งชาติของประเทศไทยไปล่อใจให้ชาติมหาอำนาจเข้า ข้างเขมร

พื้นที่ในอ่าวไทยอาจจะตกเป็นของเขมรกว่า 1 ใน 5 ของพื้นที่ในอ่าวไทย โดยรวมเอาพื้นที่อันเป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานดังกล่าวด้วย ในขณะนี้เขมรได้ทำข้อตกลงให้สัมปทานกับหลายชาติแล้ว แต่ทางฝ่ายไทยระบุว่าไม่เสียหาย เพราะประเทศไทยไม่ได้ยอมรับ

ทั้ง สามพื้นที่นี้จะเป็นการสูญเสียดินแดนครั้งใหญ่และเป็นมูลค่ามหาศาลยิ่งกว่า การเสียดินแดนให้ฝรั่งเศสในสมัยรัชกาลที่ 5 มากมายนัก แต่ที่น่าอัปยศอดสูที่สุดก็คือมันเกิดขึ้นเพราะคนไทยขายชาติ และทรยศชาติ ปล่อยให้เขมรยึดครองดินแดนไทยตามอำเภอใจอย่างไม่หยุดยั้งแม้ในขณะนี้

เรื่องที่สอง ภัยจากการหนีเข้าเมือง เข้ามาตั้งรกรากถิ่นฐานในลักษณะยึดครองพื้นที่ของประเทศไทยโดยหลายกลุ่ม หลายพวก หลายเชื้อชาติ แต่ที่เด่นชัดที่สุดก็คือพม่า

มีการปล่อยให้ชาวพม่าหนีเข้าเมืองหรือชักนำเข้ามาทำงานในบ้านเมือง ของเรามากมายมหาศาล ตัวเลขทางการก็มีจำนวนกว่าล้านคน แต่ที่ไม่เป็นทางการนั้นเคยมีการรายงานต่อคณะกรรมาธิการตำรวจและการยุติธรรม ว่าอย่างน้อย 3 ล้านคนและอาจถึง 5 ล้านคน

มีการตั้งรกรากถิ่นฐานบริหารจัดการแบบหมู่บ้านตำบลในหลายพื้นที่ เช่น สมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ระนอง เป็นต้น รวมทั้งมีการจัดตั้งวิทยุชุมชน และระบบสื่อสารประสานงาน ระบบการเงิน ที่จะต้องส่งเข้าออกผ่านแดน

แต่ที่ไม่ปรากฏให้เป็นข่าวก็คือ เครือข่ายปฏิบัติการทางการข่าวและความมั่นคง ซึ่งแพร่ขยายไปอย่างกว้างขวาง จนมีการกล่าวว่าในวันนี้ถ้าชาวพม่าจะจับบุคคลสำคัญของประเทศไทยก็สามารถจับ ได้พร้อมกันในพริบตาเดียว

เป็น เหตุการณ์คล้ายคลึงกับก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะในช่วงที่ญี่ปุ่นส่งสายลับจำนวนมากเข้ามาทำงานและทำมาค้าขาย ครั้นเกิดสงครามขึ้นคนเหล่านั้นก็สวมเครื่องแบบทหารหรือปฏิบัติงานด้านความ มั่นคงเข้าทำการควบคุมจุดสำคัญๆ และบุคคลสำคัญๆ ไว้ได้โดยง่าย

คนหนีเข้าเมืองเหล่านี้รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น กระทั่งจัดงานชุมนุมสังสรรค์และพิธีกรรมสำคัญๆ อย่างต่อเนื่อง ที่เป็นข่าวฉาวโฉ่ก็มีปรากฏให้เห็น ดังเช่นการเช่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานปีใหม่ ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมถึง 50,000 คน

เป็นจำนวนมากมายมหาศาล แต่เรื่องดังฉาวโฉ่ขึ้นก่อนจึงเป็นเหตุให้ต้องระงับการจัดงานดังกล่าว ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่มีประเทศใดในโลกที่จะยอมให้พลเมืองของประเทศที่มีดินแดน ติดต่อกันเข้ามาทำการได้ถึงเพียงนั้น แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทยของเรา

นั่นเป็นเรื่องภายในดินแดนของประเทศไทยโดยตรง ส่วนตามแนวพรมแดนเล่า? ข่าวคราวก็เริ่มหนาหูมากขึ้นทุกทีถึงความพยายามที่จะรุกล้ำดินแดนไทยจนกอง กำลังผาเมืองต้องผลักดันออกไปหลายครั้ง กระนั้นก็ยังมีการกล่าวอ้างเกี่ยวกับเขตแดน

แต่ ไม่ถึงกับทำแบบอย่างเขมร เพราะตลอดแนวพรมแดนไทย-พม่านั้นเป็นชนชาติส่วนน้อยหลายชนชาติซึ่งมีปัญหา อยู่กับรัฐบาล ต่างกับเขมรที่เขาปลุกระดมประชาชนทั่วประเทศให้เข้าร่วมในการยึดดินแดนจาก ประเทศไทย แต่อันตรายก็คงไม่ต่างกันเท่าใดนัก

เรื่องที่สาม คือเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งความจริงอดีตนั้นราชอาณาจักรไทยในตอนใต้มีพื้นที่กว้างขวาง รวมไปถึงกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปีนัง

ไม่จำต้องกล่าวถึงยะลา ปัตตานี นราธิวาส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาปรากฏว่ากลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปีนัง ก็ไม่เคยมีปัญหาการอ้างตนว่าเป็นรัฐอิสระ

กระทั่ง ถึงยุคล่าอาณานิคม ประเทศไทยจึงเสียกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปีนัง ให้แก่อังกฤษ ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นประเทศมลายู และเป็นประเทศมาเลเซียในปัจจุบันนี้ โดยที่ยะลา ปัตตานี และนราธิวาสนั้นเป็นที่ยอมรับนับถือกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทย

ปัญหาแม้คุกรุ่นบ้างก็เป็นเรื่องความไม่เข้าใจและความขัดแย้งเฉพาะ กลุ่มเฉพาะพื้นที่ บางครั้งก็รุนแรง บางครั้งก็มีความเป็นปกติเรียบร้อย มาคุกรุ่นขึ้นอีกครั้งหนึ่งในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่เปิดทำสงครามปราบ ปรามยาเสพติด แล้วใช้ความรุนแรงปฏิบัติต่อพี่น้องในพื้นที่นั้นราวกับว่าเป็นศัตรู

สถานการณ์ได้พัฒนากว้างขวางรุนแรงและแหลมคมขึ้นกว่าระยะใดๆ ในประวัติศาสตร์ แม้ว่าจะได้ทุ่มเททรัพยากรบุคคลและงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อแก้ไขปัญหามาก ว่า 6 ปีแล้ว ท่ามกลางคำอ้างว่าถูกทางแล้วนั้น สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้น

ความเงียบสงบในหลายร้อยหมู่บ้านเป็นความสงบที่เกิดจากอำนาจรัฐเข้าไป ไม่ถึงแล้ว และกำลังขยายตัวมากออกไปทุกที จึงเป็นพื้นที่ที่อันตรายและกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยและอธิปไตยของประเทศ อย่างรุนแรงอีกพื้นที่หนึ่ง

ภัย คุกคามที่ร้ายแรงสามเรื่องนี้กลับไม่มีความตั้งใจหรือใส่ใจอย่างเต็มที่ที่ จะแก้ไขปัญหาให้จบสิ้นลุล่วงไป ดังนั้นควันและไฟแห่งสงครามจึงขยายตัวไปและลุกลามมากขึ้นทุกที นี่คือชะตากรรมที่ประเทศไทยและคนไทยจะต้องเผชิญอย่างเข้มข้นขึ้นนับแต่นี้ไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น