++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สิบปี ที่รอคอย (Good Story)

'ในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งมีกระดิ่งเล็กๆ
แขวนไว้ที่ประตูร้านทุกครั้งที่มีแขกเข้าร้านก็จะทำให้กระดิ่งนั้นส่งเสียงดัง
"Ding Ding"

วันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 30 กว่าปี
เข้ามาในร้านกาแฟนี้เจ้าของร้านสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับให้เขานั่งด้านใน

"กาแฟแก้วนึงครับ"

"ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ"

เจ้าของร้านสาวพูดพลางยิ้มให้อย่างมีมารยาทแล้วก็ไปบดเม็ดกาแฟและตั้งกาต้มกาแฟ

ชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวอยู่ตลอดไม่นานนัก
เจ้าของร้านสาวก็นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะชายหนุ่ม

"ขอบคุณครับ"

"คุณเพิ่งมาเป็นครั้งแรกใช่ไหม? รู้สึกว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้างคะ?"

เจ้าของร้านสาวถาม

"ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าที่นี่บรรยากาศดีมากๆ เลยครับ"

"ฉันก็ชอบบรรยากาศของร้านนี้มากเหมือนกันถึงแม้ว่ากิจการร้านนี้ไม่ค่อยดีนักฉันกับสามีก็เสียดายไม่อยากจะปิดร้านทิ้ง"

ทั้งคู่เงียบไปสักพัก

"ผมขอถามอะไรคุณบางอย่างได้ไหมครับ?

เอ่อ... ก่อนที่จะถามคุณผมอยากจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้คุณฟังก่อน"
ชายหนุ่มพูดถามขึ้นมา

"ได้ค่ะ คุณพูดมาได้เลย" เจ้าของร้านสาวก็สนใจที่จะฟัง

ชายหนุ่มก็เล่าเรื่องเรื่องหนึ่งซึ่งผ่านมานานมากแล้ว

"เมื่อก่อนผมมีแฟนคนหนึ่งเราสองคนก็ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในอนาคตแล้ว
ความรักของเราสองคนนั้นถึงแม้จะธรรมดา แต่แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
เพราะผมรักเธอมากเพียงแค่มีเธออยู่ข้างๆ ผมก็มีความสุขมากแล้วแต่ทว่า
ความสุขอันนี้มันช่างสั้นนักหลังจากนั้นก็มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นก่อนหน้าพิธีหมั้นของเราสองคนหนึ่งเดือน
คืนนั้นผมมีธุระต้องทำจึงไม่สามารถไปส่งเธอกลับบ้านได้ ในคืนนั้น
เธอโดนคนร้ายรุมข่มขืน..."

"แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรคะ?
ความรู้สึกของคุณที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปหรือ?"เจ้าของร้านสาวถามด้วยความสงสาร

"ถึงแม้จะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ความรักของผมที่มีให้เธอก็คงยังมั่นคงมิได้แปรเปลี่ยนเลยสักนิด
ผมก็ตั้งใจจะจัดพิธีหมั้นขึ้นตามเดิม

แต่... เธอคิดไม่ตก
เธอเชื่อว่าเธอไม่ได้เป็นเธอคนเดิมแล้วในวันหมั้นของเราสองคนวันนั้น
เธอผูกคอตายโชคยังดีที่ว่าพวกเราพบเธอได้เร็ว
ช่วยชีวิตเธอไว้ได้แต่เพราะว่าสมองขาดอ็อกซิเจ็นนานเกินไป
ทำให้เธออยู่ในสภาพไม่มีความรู้สึกตัว
และอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาเลยก็ได้...สุดท้าย เธอก็ฟื้นขึ้นมา
เมื่อผมรู้ว่าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบไปหาเธอแต่พ่อแม่เธอขวางกั้นผมไว้ไม่ให้ไปพบเธอ
พวกเขาคุกเข่าลงมาขอร้องผม
กลายเป็นว่าความทรงจำบางส่วนได้หายไปหมอบอกว่าเมื่อคนโดนกระตุ้นจิคใจอย่างแรง
ก็อาจจะเลือกที่จะหลบหลีกความทางจำอันนั้นโดยการฝังลึกไว้ในใจตัวเองไม่ต้องการที่จะจำเรื่องเลวร้ายนั้นอีก
เธอลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาด้วยพ่อแม่เธอขอร้องให้ผมอย่าเพิ่งไปพบเธอสักพักเขาไม่ต้องการให้เธอนึกถึงเรื่องน่าเศร้านั้นอีก
เพราะกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตายอีก ถ้าบังเอิญเจอกันในที่อื่น
ก็จะทำเป็นไม่รู้จักไม่ทักทายกันเด็ดขาด ช่วงเวลานั้นมันช่างทรมานยิ่งนัก
อยากรักเธอ แต่ไม่อาจทำได้ อยากจะพบหน้าเธอ แต่ก็ไปพบไม่ได้ วันนี้
เป็นวันครบสิบปีนั้นแล้ว"

"ขอแสดงความยินดีให้ด้วยค่ะ
คุณรอคอยมาสิบปีแล้วในที่สุดวันนี้ก็สามารถไปพบเธอได้แล้ว"

"ใช่ครับ แต่... ยิ่งใกล้ถึงเวลานี้ ผมก็ยิ่งกลัว
สิบปีที่ผ่านมานี้ความรักผมนั้นยังไม่เปลี่ยน แต่ตัวเธอล่ะ?
ถ้าผมเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟัง เธอก็ยังจำผมไม่ได้
แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ? หรือว่าเธอได้แต่งงานไปแล้วผมควรจะทำเช่นไรดี?
เพราะเช่นนี้ ผมอยากจะถามคุณว่า คุณคิดอย่างไร?
ถ้าแฟนผมคนนี้แต่งงานไปแล้วผมควรจะบอกให้เธอได้รับรู้เรื่องนี้มั้ย?"

เจ้าของร้านสาวก็พูดอย่างจริงใจว่า
"ถ้าสมมุติว่าเธอมีแฟนแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้แต่งงานกัน
คุณยังมีโอกาสแต่ถ้าเธอคนนั้นได้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้วคุณก็ไม่ควรไปทำลายครอบครัวเขา"

ชายหนุ่มได้รับฟังแล้ว ก็แค่ตอบสั้นๆ ด้วยความผิดหวัง... "นั่นสินะ..."

"Ding Ding"

พอดีเวลานี้ก็มีแขกคนอื่นเข้ามาในร้าน เจ้าของร้านสาวก็พูดกับชายหนุ่มว่า
"ฉันต้องไปต้อนรับแขกแล้ว เชิญตามสบายนะคะ"

เธอเดินออกไปได้สองก้าว ก็หันกลับมาถามเขาว่า

"จริงสิคุณเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยสนิทกับฉันมากนัก
ทำไมถึงเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังล่ะคะ?"

"เพราะว่า เธอคนนั้นเคยพูดเอาไว้ว่า
หลังแต่งงานแล้วเธออยากจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ
อย่างนี้เหมือนกัน"ชายหนุ่มคิดสักครู่ถึงตอบออกมา

"อ๋อ อย่างนี้เองหรือคะ"

พูดจบเธอก็หันหลังกลับเดินไปต้อนรับแขกที่เข้ามาใหม่

ชายหนุ่มมองตามร่างของเจ้าของร้านสาวนั้น น้ำตาเขาค่อย ๆหยาดไหลออกมา

เขาตัดสินใจไม่บอกเธอว่าแท้จริงแล้วเขามาที่ร้านนี้เพื่ออะไร
แฟนของเขาคนนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อม

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอนั้นมันช่างไกลยิ่งนักกาแฟในแก้วนั้น
ก็ไม่รู้เย็นลงตั้งแต่เมื่อไหร่...

แล้วถ้าคุณเป็นชายหนุ่มคนนั้นคุณจะทำอย่างไร????


Story by : อุ๊
Date : 22 March 2004'

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น