++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

มุมอับของนายกฯ อภิสิทธิ์ กับข้อหาก่อการร้ายอันเป็นเท็จของแกนนำพันธมิตรฯ (บทความจากกัลยาณมิตรของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ )

มุมอับของนายกฯ อภิสิทธิ์
กับข้อหาก่อการร้ายอันเป็นเท็จของแกนนำพันธมิตรฯ
(บทความจากกัลยาณมิตรของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ )
โดย รศ.ดร.ชวินทร์ ลีนะบรรจง /รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย


นายกฯอภิสิทธิ์โปรดฟัง!!

การตั้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายอันเป็นเท็จต่อแกนนำพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตยโดยกลไกของรัฐไทยที่ท่านดูแลอยู่
มิใช่เรื่องเล็กน้อยที่นายกฯอภิสิทธิ์จะ "ลอยตัว"
เหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ได้
ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าท่านกำลังทำสิ่งที่พลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตและอาจเป็นตราบาปของท่านไปจนวันตาย

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนจำเป็นต้องวิพากษ์นายกฯอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะในฐานะกัลยาณมิตรหลัง
จากที่พยายามทำใจในหลายเรื่องที่รัฐบาลปัจจุบันได้ดำเนินการมาตลอดกว่า 6
เดือนที่ผ่านมาเพราะยังคิดว่ารัฐบาลนี้ยังคงเป็นคำตอบให้กับสังคมได้ไม่มาก
ก็น้อย

อย่างไรก็ตามเมื่อมีการออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตยกับพวกรวมถึง นายกษิต ภิรมย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
ให้ไปรับทราบข้อหาก่อการร้ายโดยใช้การไปชุมนุมอยู่หน้าสนามบินสุวรรณภูมิและ
สนามบินดอนเมืองของพันธมิตรฯเป็นพฤติกรรมประกอบในการกล่าวโทษ
ผู้เขียนคิดว่าคงต้องยอมทำบาปตามที่สุเทพ
เทือกสุบรรณกล่าวให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆนี้เสียแล้ว

มีหลายบทความที่ให้ความเห็นในเชิงนิติศาสตร์เกี่ยวกับการตั้งข้อ
กล่าวหาก่อการร้ายต่อแกนนำพันธมิตรฯกับพวกในกรณีนี้ไว้มากซึ่งทั้งหมดอาจ
ประมวลโดยสรุปได้ว่า "เป็นเท็จ" มากกว่า "เป็นจริง"
และน่าจะเป็นประเด็นการเมืองมากกว่าประเด็นด้านกฎหมาย
เพราะการก่อการร้ายในสามัญสำนึกของคนทั่วไปย่อมจะหมายถึงการใช้กำลังขู่เข็ญ
ที่จะประทุษร้ายหรือทำลายคนหรือสิ่งของที่เอามาเป็นประกัน
เพื่อให้รัฐหรือองค์กรใดๆยอมทำตามข้อเรียกร้องของผู้ก่อการร้าย
และโดยข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้ก็ไม่แตกต่างไปจากความเข้าใจของคนธรรมดาทั่วไป
แต่ประการใด

แล้วเหตุไฉนการชุมนุมเรียก ร้องหน้าสนามบินทั้ง 2
แห่งโดยปราศจากการใช้ความรุนแรงหรืออาวุธจึงกลายเป็นความผิดในเรื่องการก่อ
การร้ายไปได้หากไม่ใช่เอาการเมืองเป็นที่ตั้ง

ประเด็นที่อยากจะกล่าวในที่นี้จึงอยู่ที่รัฐบาลในฐานะผู้ดูแลรัฐซึ่งรวมถึงประชาชนทุกๆคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
ทำไม จึงไม่กำกับดูแลปล่อยให้กลไกของรัฐกล่าวหาประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยด้วย
ข้อหาอันเลื่อนลอยเป็นเท็จดุจดังเช่นสมัยรัฐบาลสมัครหรือสมชายที่ผ่านมาได้
กระทำลงไป

ประชาชนจะขาดซึ่งความมั่นใจในความปลอดภัยที่รัฐไทยจะสามารถให้ได้ไป
ในบัดดล หากการชุมนุมเรียกร้องโดยสงบปราศจากอาวุธและความรุนแรง
ตามที่รัฐธรรมนูญได้ให้สิทธิไว้
ดังเช่นที่พันธมิตรฯได้กระทำกลายเป็นการก่อการร้าย
เพราะการกระทำของรัฐบาลที่ไม่เอาใจใส่ในการกำกับดูแลกลไกยุติธรรมตามหน้าที่
ที่ตนเองมีอยู่

อย่าลืมอีกเช่นกันว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ออกเสียงลงมติรับรองกติกาสูง
สุดนั่นคือรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ.2550
ที่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุมนี้ไว้โดยชัดแจ้ง
และประชาชนก็หวังจะให้นายกฯอภิสิทธิ์หรือรัฐบาลใดก็ตามได้ปฏิบัติตามซึ่งหาก
ไม่ทำตาม ประชาชนก็จะไม่ให้โอกาสท่านทำงาน

นายกฯอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วนี้เกี่ยวกับเรื่องนี้
โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม
กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศจะฟ้องนายกฯ ในฐานะประธาน
ก.ตร. อันเนื่องมาจากพนักงานสอบสวนตั้งข้อหา "ก่อการร้าย"
ต่อแกนนำพันธมิตรฯ 36 คนที่บุกยึดสนามบินไว้ว่า (ไทยโพสต์ 11 ก.ค.52)

"ผมไม่ได้แทรกแซง เพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ
ถ้าเราเริ่มค่านิยมที่ว่าเป็นเรื่องของการเมืองที่จะชี้ นี่อันตรายมาก
เพราะว่าคนดีอาจจะชี้ดี คนชั่วก็ชี้ชั่ว
ที่สำคัญสุดท้ายคนที่มาอยู่ในอำนาจอาจจะไม่แยกว่าอะไรดีอะไรชั่ว
ที่สุดต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ถ้าหากว่ากลุ่มพันธมิตรฯ
คิดอยากจะสร้างการเมืองที่ดีกว่าปัจจุบัน
ก็ไม่ควรสนับสนุนและมองว่าคนที่เป็นนักการเมืองจะต้องไปเกี่ยวข้องกับคดี
ความ"

นายอภิสิทธิ์ยังได้กล่าวย้ำว่า ทั้งตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกฯ ไม่มีสิทธิ์ไปชี้คดี
จะมีหน้าที่ก็เพียงเร่งรัดเวลาที่เห็นว่ามีความล่าช้าหรือคิดว่าไม่มีความ
เป็นธรรมจากกระบวนการใด แต่ในแง่การใช้ดุลพินิจต่างๆ ของเจ้าหน้าที่
ฝ่ายการเมืองไม่ควรไปยุ่ง นายสุเทพก็ไม่เกี่ยว ตนก็ไม่เกี่ยว
ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ไม่ว่าจะเป็นคดีของพันธมิตรฯ หรือว่าเสื้อแดง
จะไม่ไปชี้ว่าอันนี้ต้องผิด อันนี้ต้องถูก
เพราะสิ่งหนึ่งที่ต้องการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองคือคนที่มีอำนาจทางการ
เมืองจะต้องไม่ไปยุ่งเรื่องพวกนี้ ถ้าตนมีความโน้มเอียงไปในทางหนึ่งทางใด
ก็คงไม่ถูกตำหนิจากทั้งสองฝ่ายอย่างที่เป็นอยู่โดยกล่าวอีกว่า

"ผมไม่ได้ลอยตัว ดำรงความเป็นกลางอย่างที่ควรจะเป็น
การลอยตัวคือการหนีความรับผิดชอบ แต่นี่ผมรับผิดชอบ
จะสร้างบรรทัดฐานว่าคนเป็นผู้นำทางการเมืองจะไม่แทรกแซงหรือไม่ยุ่งเกี่ยว
กับคดีความ นอกจากเร่งรัดหรือมีการร้องเรียน
อย่างเช่นการร้องเรียนขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนเราก็ดูให้
แต่ถ้าต้องสั่งคดีอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ ผมทำถูกต้อง ไม่ใช่ลอยตัว"

ผู้เขียนอยากจะกล่าวเตือนสติท่านนายกฯอภิสิทธิ์ในฐานะกัลยาณมิตรอีกครั้งว่า
ท่านกำลังทำผิดครั้งสำคัญอีกครั้งแล้ว!!

หากคนที่อาสาเข้ามาทำงานให้กับบ้านเมืองโดยเป็นผู้นำประเทศแล้วยัง
ไม่รู้ว่าอะไรคือ "ความดี" แตกต่างไปจาก "ความชั่ว"
อย่างไรและไม่มีมาตรฐานของ "ความดี" อยู่ในใจตนเอง
ก็เปรียบเสมือนพ่อครัวหรือ "เถ้าชิ่ว" ที่แยกไม่ออกว่าอะไรหอมอะไรเหม็น
ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในวิชาชีพที่ตนเองต้องมี

อาหารจะอร่อย การปกครองจะดีไปได้อย่างไร

ผู้เขียนไม่ได้ถูกกล่าวหาไปด้วย
แต่ก็ขอบอกความในใจว่าจะเป็นการดีหากจะมีการดำเนินคดีอื่นๆที่มิใช่ข้อหาก่อ
การร้ายหากมีพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่รับฟังได้
เพราะว่าอยากจะให้พันธมิตรฯได้ไปพิสูจน์ผ่านกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในศาล เพื่อที่จะอาศัยคำตัดสินของศาลสร้างบรรทัดฐานในเรื่องการชุมนุมตามรัฐ
ธรรมนูญปัจจุบันและแก้ข้อครหาต่างๆที่มีอยู่อย่างสะอาดหมดจด แต่
ผู้เขียนคิดว่าไม่มีใครอยากถูกกล่าวหาในข้อหาที่มีโทษถึงประหารชีวิตโดย
ปราศจากพื้นฐานของข้อเท็จจริง
เพราะนี่เป็นการกระทำของกลไกรัฐที่ชั่วร้ายมากและสมควรถูกประณามอย่างที่สุด
จากทุกๆฝ่ายในสังคม

การที่นายกฯอภิสิทธิ์ปล่อยให้มีการกล่าวหาด้วยข้อหาที่รุนแรงโดยที่
ท่านมิได้เข้ามากำกับดูแลว่าการกล่าวหาตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงหรือ
ไม่ โดยอ้างแต่เพียงว่า
เมื่ออยู่ในอำนาจ(ท่าน)อาจจะไม่(สามารถ)แยกว่าอะไรดีอะไรชั่ว
ที่สุดต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ก็เปรียบ
เสมือนการยอมรับแล้วว่าท่านไม่มี "มาตรฐานของความดี" หรือหากมี
ท่านก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกว่าท่านมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านคิด

โอ! นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนเริ่มรู้สึกผิดหวังในตัวท่านจริงๆ

ท่าน จึงไม่มีความเป็นผู้นำที่จะสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองอย่างที่ท่านได้กล่าว
อ้างไว้เพื่อให้ตัวเองหรือผู้อื่นในสังคมได้พึงยึดถือปฏิบัติเลย
เพราะนายกฯอภิสิทธิ์ออกตัวแต่เพียงว่า
"ดำรงความเป็นกลางอย่างที่ควรจะเป็น" ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร
รู้เพียงแต่ว่าหากความดีคือ "ข้าว" และความเลวคือ "ขี้"
ก็จะไม่เป็นกลางโดยกินข้าวผสมขี้อย่างแน่นอน

ความเป็นผู้นำที่มีมาตรฐานของความดีเป็นเรื่องสำคัญกับชาติ
สงครามชิงหมู่เกาะฟอล์คแลนด์คืนจากอาร์เจนตินาในสมัยนายกรัฐมนตรีนางมากาเรต
แธตเชอร์เป็นตัวอย่างที่ดี
ทำใมเธอจึงสามารถชักจูงใจทำให้ประชาชนชาวอังกฤษเห็นดีเห็นชอบยอมส่งลูกหลาน
ชาวอังกฤษไปตายในการรบเพื่อดินแดนที่อยู่ห่างไกลอังกฤษเป็นหมื่นไมล์จากเกาะ
อังกฤษที่มีจำนวนแกะมากกว่าคนและไม่มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะคุ้มค่าอันใด
มิใช่เพื่อหลักการของความเป็นชาติที่ไม่ยอมแพ้ต่อความไม่ถูกต้องดอกหรือ

แล้วนายกฯ อภิสิทธิ์จะกล่าวอ้างว่าท่านแตกต่างไปจากทักษิณ ชินวัตร
ที่มีจริยธรรมบกพร่องอย่างร้ายแรงได้อย่างไรลองนึกตรองดูหากเป็นมาตรฐาน
ทักษิณจะยอมทำสิ่งที่ยากเช่นที่นายกฯแธตเชอร์ทำหรือไม่

ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังจะกลายพันธุ์เป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนทักษิณมากขึ้นทุกที
เพียงแต่หล่อกว่าเท่านั้น หากท่านยังไม่สามารถแยกแยะ "ผิด- ถูก" และ
"ชั่ว - ดี" ในเรื่องการตั้งข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จของแกนนำพันธมิตรฯได้

เพราะอย่างน้อยทักษิณ
ชินวัตรก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาทีละน้อย ไม่ว่าจะเป็น
การใช้เสียงข้างมากเป็นความถูกต้อง
การที่คิดว่าสามารถเอาความดีมากลบความชั่วได้ ซึ่งเป็น "มาตรฐานความดี"
ของทักษิณ ชินวัตรที่นายกฯอภิสิทธิ์น่าจะรู้ซึ้งเป็นอย่างดีมิใช่หรือในสมัยที่เป็น
ฝ่ายค้าน

การปกครองบ้านเมืองหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องมีคุณธรรมควบคู่กันไป
ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยมากน้อยเพียงใด
แม้กระทั่งในระบอบกษัตริย์ก็ยังต้องมีทศพิศราชธรรมเป็นมาตรฐานของผู้ปกครอง
ที่พึงยึดถือ

ดังนั้น "ท่านจึงเกี่ยวข้องกับคดีความนี้
และสมควรอย่างยิ่งที่จะเกี่ยวข้อง"
เพื่อสร้างบรรทัดฐานของความดีให้พึงมีในสังคม
หากนายกฯอภิสิทธิ์ได้ตรวจสอบดูแล้วว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อรัฐมนตรีกษิตมีมูล
ตามพื้นฐานของข้อเท็จจริง
ท่านก็ควรปลดและออกหมายจับโดยทันทีไม่ควรให้ตำรวจออกหมายเรียกเพราะจะให้ผู้
ก่อการร้ายลอยหน้าลอยตามาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมหรือทำงานในนามประเทศไทยได้
อย่างไร

แต่ในทางตรงกันข้าม
ท่านกลับอยู่นิ่งเฉยมิได้อำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม
เพราะหากเอาแต่กล่าวอ้างว่าท่านเกี่ยวข้องไม่ได้จะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ท่านกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์ระหว่าง การแทรกแซง กับ อำนวย ความยุติธรรม
หากท่านละเลยมิได้กำกับดูแลตามหน้าที่ที่ท่านมีอยู่แต่กลับปล่อยให้ผู้ใต้
บังคับบัญชา เช่น ตำรวจ ไปทำอะไรก็ได้
แล้วพร่ำบอกแต่เพียงว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ใต้บังคับบัญชา
ท่านกำลังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพราะไม่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชานั้นจะตัดสิน
ใจอย่างไร นอกจากความรับผิดชอบที่เขาเหล่านั้นจะต้องมีแล้ว อย่า
ได้ลืมว่าท่านในฐานะผู้กำกับดูแลที่เป็นผู้บังคับบัญชาก็หลีกเลี่ยงความรับ
ผิดชอบจากการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชาไปไม่พ้นเพราะท่านมีหน้าที่กำกับดูแล
แต่ละเว้นไม่ทำ

ไม่น่าเชื่อเลยสำหรับนิติศาสตร์บัณฑิตที่เรียนรู้กฎหมายมาแล้วเป็นอย่างดี
แต่กลับเข้าใจผิดอย่างมหันต์เช่นนี้ได้

ความผิดประการที่สองและเป็นความผิดซ้ำซากของท่านก็คือการให้สุเทพ
เทือกสุบรรณทำงานด้านความมั่นคงต่อไป

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
การที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะไปฟ้องนายกฯคงไม่ถูกต้อง ต้องฟ้องตนเพราะนายกฯ
มอบหมายให้เป็นคนดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้ท้าทาย
ได้พูดไปแล้วว่าตนทำหน้าที่ไม่เข้าใครออกใคร
ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตามกฎหมาย ถ้าทำอะไรถูกใจเขาก็ชอบ
ทำอะไรไม่ถูกใจเขาก็ชังเป็นธรรมดา

"ผมไม่ทราบว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวเพราะเหตุใด
แต่ถ้ามีใครกล่าวว่าร้ายคนในรัฐบาลซึ่งน่าจะหมายถึงผม
ที่มุ่งร้ายจะเอาคุณกษิตออกเพราะต้องการตัดกำลังพรรคการเมืองใหม่
ใครที่คิดอย่างนั้นก็เป็นบาปต่อตัวเอง เพราะผมไม่ได้คิดอย่างนั้น"

เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องของสุเทพ
เทือกสุบรรณที่จะต้องออกมารับผิดชอบตามแบบของนักเลงบ้านนอกแต่อย่างใด
เพราะท่านเป็นเพียง "ตัวแทน" เท่านั้น มิใช่ "ตัวการ" หรือ
สุเทพอาจหลงคิดผิดไปว่าท่านนี้แหละเป็น "ตัวการ" เป็น prime minister
maker เหมือนดังเช่น
ป๋าเหนาะอวดอ้างเป็นประจำว่าตนเองเป็นผู้สร้างนายกฯมาแล้วหลายคนใน
ขณะที่อภิสิทธิ์ผู้ที่เป็นนายกฯและมอบหมายให้ท่านไปทำงานแทนเป็นเพียง
"ตัวแทน" หรือ "เด็กสร้าง" เท่านั้น
เพราะทุกอย่างท่านจัดการเองได้ทั้งหมดตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลมาแล้ว

การที่มีชื่อรัฐมนตรีต่างประเทศกษิต
เข้าไปในรายชื่อผู้ต้องหาก่อการร้ายเป็นตัวต่อสำคัญและเป็นประเด็นทางการ
เมืองมากกว่าประเด็นด้านกฏหมายที่ชี้ให้เห็นว่า ขณะ
นี้การเมืองไทยกำลังอยู่ในรอบรองชนะเลิศที่จะต้องแข่งขันตัดเชือกระหว่างคู่
แข่งขันเพื่อที่จะหาคู่ชิงในรอบชิงชนะเลิศที่กำลังจะมีขึ้นในการเลือกตั้ง
ที่กำลังใกล้เข้ามา

สีฟ้ากำลังจะเตะตัดขาสีเหลือง
ในขณะที่สีน้ำเงินกำลังหาทางพิชิตสีแดง
และทั้งสีฟ้าและสีน้ำเงินก็อาจกำลังใช้บริการของสีกากีและสีเขียวอยู่ก็เป็น
ได้ เป็นการแยกกันเดินและรวมกันตีเพื่อหวังผลเป็นผู้กุมชัยชนะร่วมกัน
เพราะหากสีฟ้าเอาชนะสีเหลือง และสีน้ำเงินข่มสีแดงได้
สีฟ้ากับสีน้ำเงินก็สามารถร่วมมือกันเอาชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าและร่วมกัน
เป็นผู้ปกครองต่อไปได้โดยไม่ยาก

เหตุที่คิดบาปเช่นนั้นก็เพราะพฤติกรรมของพวกท่านที่ปรากฏต่อสาธารณชนทำให้เข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็น

การยินยอมและยินดีใช้ผบ.ตร.ที่เป็นน้องชายรัฐมนตรีฯกลาโหมที่ท่านไป
เชิญมาทั้งๆที่ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกฯตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วด้วยข้อ
กล่าวหาประพฤติมิชอบ
การโยกย้ายกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมโดยไม่มีการสะสางข้อกล่าวหาที่มีก่อน
หน้าที่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะเข้ารับตำแหน่งเพียง 1 วันโดยฝ่ายสีน้ำเงินก็ดี
และการที่ ผบ.ตร.ท่านนี้ก็ไม่ทำให้ปรากฏซึ่งความรู้ความสามารถหรือความรับผิดชอบใดๆเลย
ตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งเดิม
แม้กระทั่งต่อการห้ามปรามการสังหารประชาชนผุ้บริสุทธิ์เมื่อ 7
ต.ค.51หรือกรณีจลาจลเผาบ้านเผาเมืองเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
ท่านรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงท่านเกรงใจใครอยู่หรือ
แต่ที่แน่ๆก็คือท่านไม่เกรงใจประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจที่ท่านใช้อยู่

การอาศัยบริการสีน้ำเงินที่พัทยาจนทำให้การประชุมระดับโลกที่ไทยเป็น
จ้าภาพล้มไม่เป็นท่า
จนบัดนี้ยังไม่สามารถเยียวยาให้เกิดการประชุมครั้งใหม่ได้
สร้างความเสื่อมเสียกับชื่อเสียงเกียรติคุณของประเทศไทยไปทั่วโลก
มิหนำซ้ำยังมิได้กำกับดูแลเร่งรัดให้มีการฟ้องร้องผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุ
ดังกล่าวที่ก่อการจลาจลเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาจนกระทั่งต้องมีการปล่อย
ตัวไปเพราะหมดอำนาจฝากขัง ท่านไม่แทรกแซงหรือไม่อำนวยความยุติธรรมกันแน่

การ ไม่มีความคืบหน้าในคดีลอบสังหารคุณสนธิ
ลิ้มทองกุลอย่างอุกอาจกลางกรุงระหว่างการประกาศกฏหมายความมั่นคง
แม้กระทั่งมีข่าวว่าคณะผู้สอบสวนเจอ "ตอ"
ท่านก็มิได้มีความกระตือลือล้นที่จะจัดการอะไรทั้งที่เป็นหน้าที่โดยตรงและ
เวลาผ่านไปกว่า 3 เดือนเศษแล้ว ท่านอำนวยความยุติธรรมแบบไหนกันแน่

การถูกฝ่ายกัมพูชาใช้การยั่วยุดูถูกฝ่ายไทยผ่านสื่อสารมวลชนกรณีเขาพระวิหาร

การไปเจรจากับกัมพูชาถึง 2
ครั้งติดๆกันโดยไม่ได้มีการแถลงว่าไปเจรจาเรื่องอะไรกันแน่
และที่สำคัญก็คือ ทำไมไปแย่งงานต่างประเทศของคุณกษิตทำ เป็น
การสุ่มเสี่ยงเกินไปหรือไม่จากการกระทำของสุเทพที่ไม่มีประสบการณ์ความรู้
ความชำนาญด้านการต่างประเทศเลยที่อาจจะทำให้มีการเสียดินแดนไทยอีกครั้งหลัง
ยุคล่าอาณานิคม

ถ้าหากว่าจะเป็นบาปก็ขอยอมลงนรกแทนสุเทพก็แล้วกันเพราะการกระทำของ
ท่านหากไม่ผิดพลาดก็ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ
และนำมาซึ่งความเคลือบแคลงน่าสงสัยในพฤติกรรม

ในฐานะของผู้บริหารประเทศที่เจ้าของประเทศมีเหตุอันควรหรือไม่ที่จะ
สงสัยในพฤติกรรม ความรู้ความสามารถ
และความซื่อสัตย์ต่อผลประโยชน์ของประชาชนของสุเทพ เทือกสุบรรณ

หมดสมัยแล้วที่นายกฯอภิสิทธิ์จะเล่นบทมือสะอาดเป็นเทพขณะที่เลขาฯ
พรรคเล่นบทมือสกปรกเป็นมาร
เพราะไม่ว่าอย่างไรนายกฯอภิสิทธิ์ก็หนีความรับผิดชอบไปไม่พ้นไม่ว่าสุเทพจะ
ทำหรือไม่ก็ตาม

หาก มาตรฐานหรือกฎเหล็กที่นายกฯอภิสิทธิ์ได้เคยประกาศไว้ว่านักการเมืองที่ท่าน
กำกับดูแลอยู่ต้องมีสูงมากกว่ามาตรฐานตามกฎหมาย สุเทพ เทือกสุบรรณ
น่าจะได้รับเกียรติเป็นไก่ตัวแรกมากกว่ากษิตที่ท่านควรจะเชือดให้ลิงดูเพื่อ
ให้เห็นว่าท่านเอาจริงในสิ่งที่ท่านได้ให้สัญญาต่อประชาชนเอาไว้

เพราะการเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงแต่ขาดซึ่งความรู้ความสามารถจน
เป็นที่ประจักษ์ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการอย่างร้ายแรงหลายๆ
ครั้งที่ผ่านมาในขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่
ดังจะเห็นได้จากการออกมายอมรับว่าถูกหลอกให้ตายกลางอากาศในการดูแลความมั่น
คงในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
ในขณะที่พฤติกรรมที่มีในปัจจุบันก็ส่อไปในทางที่น่าสงสัยเคลือบแคลง
และอาจนำมาซึ่งความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตก็เป็นเหตุผลที่
สมควรและพอเพียงแล้วมิใช่หรือกับ "มาตรฐาน"ทางการเมืองของนายกฯอภิสิทธิ์

เมื่อเทียบกับพฤติกรรม
ของกษิตที่มีเพียงปากและสมองเป็นอาวุธกับข้อหาก่อการร้ายยึดสนามบินที่เกิด
ขึ้นก่อนเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ
แต่ในขณะที่ดำรงตำแหน่งกลับปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยได้เป็นอย่าง
ดี ไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่าทักษิณให้กลับเข้ามารับโทษโดยการยกเลิกหนังสือเดินทาง
และการดำเนินการทางการทูตในลักษณะอื่นๆที่ไม่เห็นรัฐมนตรีต่างประเทศหน้าไหน
ก่อหน้านี้สามารถทำได้

ขณะที่สุเทพที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความมั่นคงทั้งฝ่ายทหารและตำรวจที่
ผ่านมาที่ถูกหลอกหรือเต็มใจให้หลอกก็มิอาจรู้ได้ในช่วงสงกรานต์จลาจล
ซึ่งไม่รู้ว่าครั้งหน้าหากผิดพลาดจะหาเหตุแก้ตัวอะไรอีก
แต่จนถึงปัจจุบันแม้กระทั่งการถอดยศผู้ถูกคำพิพากษาถึงที่สุดอย่างเช่น
ทักษิณ ก็ยังดำเนินการให้สำเร็จไปไม่ได้
ท่านคิดว่าใครที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศไทยที่ท่านกำกับดูแลอยู่มากกว่ากันแน่

หรือว่าท่านมี 2 มาตรฐานเหมือนดังเช่นทักษิณ
เพราะท่านใช้กษิตมาทำในสิ่งที่ท่านไม่อยากหรือไม่กล้าทำอย่างคุ้มค่าแล้ว
ท่านอาจไม่อยากจะเปลืองตัวออกรับหน้ากับฝ่ายค้านหรือสื่อมวลชนให้กับกษิตอีก
ต่อไป การกระทำของนายกฯอภิสิทธิ์ที่จะปรากฏต่อไปนับจากนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้
เป็นอย่างดีเพราะประวัติศาสตร์ไม่เคยโกหกเหมือนเช่นนักการเมือง

ผู้เขียนใคร่อยากจะเตือนในฐานะกัลยานมิตรว่า
การบีบให้รัฐมนตรีกษิตลาออกโดยข้อกล่าวหาก่อการร้ายไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใดก็
ตาม โดยที่ท่านไม่ใส่ใจอำนวยความยุติธรรมให้
จะไม่เป็นผลดีและจะเป็นบุมเมอแรงกลับมาหาท่านในที่สุด เพราะ
เมื่อใดก็ตามที่กษิตต้องลาออกเพราะข้อกล่าวหานี้
จะมีบรูตุสถามขึ้นมาทันทีว่าใครละเป็นคนแต่งตั้งผู้ก่อการร้ายเป็นรัฐมนตรี
และเมื่อผู้ก่อการร้ายผู้นั้นต้องออกจากตำแหน่งไปแล้วผู้แต่งตั้งก็ต้องออก
ไปเช่นกันใช่หรือไม่

ข้อย้ำอีกครั้งจากที่เคยกล่าวมาแล้วว่า นายกฯ อภิสิทธิ์
มิใช่แมวที่มีเก้าชีวิต แต่หากนำชีวิตตัวเองเข้ามุมอับเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ
ต่อให้มีเก้าชีวิตก็คิดว่าไม่เพียงพออย่างแน่นอน

*เป็นความเห็นของผู้เขียน ไม่ผูกพันกับหน่วยงานที่สังกัด
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079217


บทความยอดเยี่ยมมากครับ ผมผิดหวังจริงๆ
กับท่านนายยกที่ไม่ทำให้เห็นว่าอะไรถูก อะไรผิด ผมเชื่อว่าท่านนาย ยก
เป็นคนดีจริง แต่วิกฤตขณะนี้ ต้องการคนกล้า และดีด้วยครับ
ที่ผมหมดหวังว่า ประชาธิปัตย์ว่าจะแก้ปัญหาได้นั้น เพราะ ผ่านมา 6
เดือนแล้ว แค่ปัญหาที่ง่ายที่สุด คือ การขายสลากกินแบ่งเกินราคา จาก 80
เป็น 110 บาท ออกโดยรัฐบาลมีราคาระบุชัดเจน ท่านยังแก้ไขไม่ได้เลย
แล้วจะไปแก้ปัญหาอื่นๆ ที่ยาก และซับซ้อนกว่า ได้อย่างไรผมเลิกหวังกับ
ปชป แล้ว ที่แย่ที่สุดกลับไม่ทำอะไรเลยกับระบบตำรวจ ตั้งด่านรีดไถ
รับส่วย แถมแย่กว่าเดิมอีก เมื่อ ตำรวจเป็นมาเฟีย เสียเอง
the truth is out there

--
อ่านบทความอย่างละเอียดจนจบ
ก็เป็นบทความที่ให้ความรู้ทุกแง่มุมสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารควร
อ่าน ซึ่งสรุปได้ง่าย ๆ
พรรคประชาธิอปัตย์ก็เป็นพรรคการเมืองที่อยู่ในระบบเก่า
ผู้บริหารก็เป็นคนเก่า ๆ แม้นายอภิสิทธิ์ฯ
จะเป็นคนหนุ่มแต่ก็อยู่ในวังวนความคิดเก่า ๆ ของนักการเมืองเก่า ๆ
ที่มองประโยชน์ของตนของพรรคตนมากกว่าความถูกต้องและประชาชน
คือถ้าต้องเลือกระหว่างพรรคและพวกตน กับประชาชนและประเทศชาติ
คนพวกนี้จะเลือกอย่างแรก การจึงเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้
พึ่งไม่ได้ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ถ้ายังเป็นการเมืองเก่า
จริงซินะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น