++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์สร้างรายได้ดึงเยาวชนติดยากลับใจทำเกษตร

', 'พักเรื่องมะละกอจีเอ็มโอแล้ว ตามไปดูการปลูก หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ที่
อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี กันสักวัน หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์
หรือหน่อไม้ฝรั่ง Organic เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่ปราศจาก
การใช้สารเคมีทุกชนิด แม้ แต่ดินที่ปลูกก็ต้องว่างเว้น จากการทำงาน
ด้านการเกษตรแบบทั่วไป ตามมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์กำหนด
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องต่อสู้กับโรค และศัตรูพืชมากมาย
แต่ถ้าทำได้ตลาดนอนรออยู่แล้ว...

ตัวอย่างเช่น กลุ่มเกษตรกร อ.โป่งน้ำร้อน จ. จันทบุรี
ซึ่งมีพื้นที่อยู่ติดชายแดนเขมร หรือประเทศกัมพูชา
ชาวบ้านที่นี่มีฐานะยากจน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง
โดยมักอพยพโยกย้ายไปทำงานยังชายแดนเขมรอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากที่
นางจิรารัตน์ สีมาใหญ่ อดีตครูสอนศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
จ.สระแก้ว ได้มาทดลองบุกเบิกปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์อยู่ที่บ้านคลองเร่ว
หมู่ 8 ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จนประสบความสำเร็จ
มีตลาดเข้ามารับซื้อในราคาประกัน ทำให้
มีชาวบ้านอีกจำนวนไม่น้อยเข้ามาศึกษาดูงาน
และนำไปปลูกในพื้นที่ว่างเปล่าของตนเอง

นางจิรารัตน์ เปิดเผยว่า ที่มาปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ก็เพราะได้ไปชมการสาธิต
การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ในโครงการทับทิมสยาม 02 ที่จังหวัดสระแก้วมา
แล้วเห็นว่าลักษณะดิน และภูมิประเทศใกล้เคียง กับจังหวัดจันทบุรี
จึงทดลองนำมาปลูกบ้าง ปรากฏว่าหน่อไม้ฝรั่งเจริญงอกงาม
ให้ผลผลิตดีกว่าที่อื่น สร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี กอปรกับเห็นว่าชาวบ้าน
ในพื้นที่มีฐานะยากจน ต้องออกไปรับจ้างทำงานต่างถิ่น
จึงได้ชักชวนรวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่ม โดยมีนายจจรพล ครองสุข
เป็นประธานกลุ่มปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์

การทำงานในรูปกลุ่มเริ่มตั้งแต่การจัดสรรทรัพยากร
ที่ดินร่วมกันในรูปแบบสหกรณ์และการตลาดเชิงส่งออก โดยแบ่งออก เป็นแปลง
แปลงละ 2 ไร่/ครอบครัว
พร้อมทั้งหาแหล่งเงินกู้จากสหกรณ์โป่งน้ำร้อนให้ครอบครัวละ 40,000 บาท
เป็นเงินลงทุนครั้งแรก ซึ่งการทำเกษตรแบบอินทรีย์นี้
ใช้เงินทุนค่อนข้างต่ำเพราะไม่ต้องใช้สารเคมี
จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำสกัดชีวภาพ ในการป้องกันโรคและศัตรูพืชเท่านั้น
ประมาณ 6-8เดือน ก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ โดยมีบริษัท สวีฟ จำกัด
รับซื้อในราคาประกัน 4-44 บาท (ตามเกรด) ส่งไปยังประเทศจีน
โดยจ่ายเงินผ่านบัญชีสหกรณ์โป่งน้ำร้อน และหักเปอร์เซ็นต์ให้เจ้าของ
ที่ดิน 7% หักเข้ากลุ่ม 1% กองทุนน้ำมัน 1% กลุ่มสหกรณ์ 1% หักเงินกู้
40% ส่วนที่เหลือจึงเป็นกำไรของเกษตรกร

อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงแรก จะมีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำอยู่บ้าง
แต่ชาวบ้านก็ได้รับความช่วยเหลือ เป็นอย่างดีจากกองบัญชาการ
ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในการขุดสระกักเก็บน้ำ เพื่อใช้ยามหน้าแล้ง
แม้จะไม่อุดมสมบูรณ์เท่าพื้นที่อื่น แต่ก็เป็นที่พอใจของเกษตรกร
จากแรกเริ่มที่มีสมาชิกเพียงไม่กี่ราย เวลาผ่านไป 1 ปี
ได้ขยายครอบคลุมไปถึง 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านคลองเร่ว บ้านจางวาง
บ้านคลองคต บ้านโพธิ์และบ้านบึงชนังกลาง จำนวน 79 ครอบครัว
เนื้อที่รวมทั้งหมดประมาณ 127 ไร่

นับเป็นกลุ่มเกษตรกรตัวอย่างแห่งแรกและแห่งเดียว
ในจังหวัดจันทบุรีที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ที่
สำคัญคือสามารถดึงวัยรุ่นที่หลงผิดติดยาให้กลับมาเป็นคนดีได้
หลังจากที่พวกเขาเห็นว่าการปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์มีราคาและสร้างรายได้อย่างงาม!!!

พิชัย ประสิทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น