++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แปรรูปสาหร่ายสไปรูไลน่าจากชาววัง...สู่ชาวบ้าน

', 'ใครที่เคยเข้าไปดูงาน ในวังสวนจิตรลดา คงได้เห็นแล้วว่างานวิจัย
ในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดามีมากมายเพียงใด
และหนึ่งในหลายหลากโครงการ ที่ทีมงานมีโอกาสไปเยี่ยมชม
และนำมาเผยแพร่ในวันนี้ก็คือ โครงการเพาะเลี้ยง "สาหร่ายเกลียวทอง" หรือ
"สาหร่ายสไปรูไลน่า"

นายวิศิษฐพร เผื่อนพิภพ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีเกษตร โครงการส่วนพระองค์
สวนจิตรลดา เผยว่าโครงการส่วนพระองค์ทำวิจัยสาหร่ายสไปรูไลน่ามาตั้งแต่ปี
2529 เป็นแห่งแรกที่ได้มีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้
ได้รับคำปรึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยหลังจากเลี้ยงไประยะหนึ่ง
ได้ส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ ปรากฏว่านอกจากไม่มีอันตรายแล้ว
ยังให้มีคุณค่าโภชนาการสูงมาก

โดยพบว่าสาหร่ายชนิดนี้มีโปรตีนสูง 50-70% มีกรดไขมันไม่อิ่ม
ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน มีวิตามินบีและวิตามินเอ
มีรงควัตถุที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน มีแคโรทีนที่ช่วยในการมองเห็น
ป้องกันผิว หนังจากรังสีอัลตราไวโอเลต
ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นสารแอนตีออกซิเดน
ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระป้องกันโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีสารสำคัญที่ทำให้
ผิวพรรณสดชื่น และสมานแผลในกระเพาะ
มีเส้นใยที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ทำให้การดูดซึมอาหารช้าลง
เหมาะกับผู้ต้องการลดน้ำหนัก

เริ่มแรกของการวิจัย
เพื่อต้องการหาสูตรอาหารที่เหมาะสมในการเลี้ยงสาหร่ายฯ
และองค์ประกอบต่างๆ ของสาหร่าย โดยใช้บ่อเลี้ยงที่วังสวนจิตรลดา
เมื่อผลการศึกษาทั้งสองเรื่องก็สำเร็จ จึงได้ขยับ
ขยายบ่อเลี้ยงสาหร่ายฯไปที่ "สวนอุไทยธรรม จ.ปทุมธานี" ณ ที่นี่
มีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายแบบครบวงจร พบว่าได้ผลผลิตมีคุณภาพดี
เพียงพอต่อการนำไปแปรรูป ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ที่ต้องการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกให้กับผู้บริโภค

ส่วนงานแปรรูปนั้น นางพรพิศ คำหาญ หัวหน้างานวิทยาการสาหร่ายประยุกต์
เผยว่า เวลานี้นอกจาก "สาหร่ายเกลียวทองบรรจุแคปซูล"
ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยให้ ร่างกายไม่อ่อนเพลีย บำรุงสมอง
เหมาะสำหรับคนทำงานหนัก เร่งรีบ และมีเวลาพักผ่อนน้อยแล้ว
และล่าสุดได้นำมาแปรรูปเป็น "ข้าวเกรียบสาหร่ายเกลียวทอง" และ
"เยลลี่สาหร่ายเกลียวทอง 3 สี 3 รส" (ส้ม ใบเตย กระเจี๊ยบ)
เพื่อรับประทานเป็นอาหารว่างและได้ประโยชน์ครบถ้วนโภชนาการในขณะเดียวกัน

นางพรพิศ เล่าให้ฟังด้วยว่า ก่อนหน้านี้เธอเป็นโรคภูมิแพ้
เป็นหนักถึงขนาดจมูก ไม่ได้กลิ่นอาหาร เลือดกำเดาไหล เธอทานยาเยอะมาก
ตับต้องทำงานหนัก แต่เมื่อมาทำโครงการนี้ และได้รู้ประโยชน์ของสาหร่าย
จึงเลิกกินยาแล้วลอง มารับประทานสาหร่ายเกลียวทอง
บรรจุแคปซูลแทนได้ระยะหนึ่ง ปรากฏอาการเริ่มดีขึ้น
จนถึงขณะนี้เธอหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว นอกจากสิ่งที่ประสบมาแล้ว
เธอยังได้เผยอีกว่า คนที่ต้องการลดน้ำหนัก สามารถรับประทานแทนข้าวได้เลย
เพราะสาหร่ายชนิดนี้ครบถ้วนด้วยคุณค่าโภชนาการ

ปัจจุบันแม้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางจะนำสาหร่ายเกลียวทองมาเป็นส่วนผสมเพื่อสร้างจุดขาย
แต่การใช้ถูทาหรือจะมาสู้การกินโดยตรงได้ เรื่องราวในวันนี้
พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจ

ดวงแก้ว ผุงเพิ่มตระกูล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น