หวั่นเด็กท้อทำสภาเยาวชนอ่อนแอ
"รศ.ดร.สมพงษ์" ระบุ ผู้ใหญ่ไม่ใส่ใจกิจกรรมเด็ก เยาวชน
สวนทางนโยบายรัฐบาล เผย พมจ.บางจังหวัดวางกรอบ ปิดกั้นกิจกรรมเยาวชน
พบขาดการประสานงานระหว่างกระทรวง ชี้ สภานักเรียนสังกัด ก.ศึกษาธิการ
ให้เด็กลาเรียนทำกิจกรรมได้ แต่สภาเด็กและเยาวชน สังกัด ก.การพัฒนาสังคมฯ
กลับไม่อนุมัติให้ลา หวั่นเด็กท้อกระทบสภาเด็ก เยาวชนอ่อนแอ
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ
ผอ.ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเด็กที่มีความต้องการพิเศษ คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในฐานะผู้วิจัยรูปแบบโครงสร้างสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
จากการเข้าร่วมคัดเลือกตัวแทนเด็กและเยาวชน
เพื่อคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 8
ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีตัวแทนเด็กและเยาวชนระดับจังหวัดทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียนจำนวน
114 คน จาก 72 จังหวัดเข้าร่วม ได้รับฟังแนวคิดและข้อคิดเห็นต่างๆ
ที่สะท้อนถึงการทำกิจกรรมของเยาวชนที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ซึ่งพบว่าเยาวชนแต่ละพื้นที่มีการขับเคลื่อนกิจกรรมที่สร้างสรรค์มากมาย
ทั้งการจัดทำพื้นที่สร้างสรรค์
การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับการรณรงค์เรื่องประชาธิปไตย สิ่งแวดล้อม เอดส์
ยาเสพติด การมีเพศสัมพันธ์ การงดเหล้า การสร้างจิตอาสา สาธารณะ
การส่งเสริมรากเหง้าเข้าใจในวัฒนธรรมแต่ละพื้นที่
รวมถึงการต่อสู้กับกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะเด็กใน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พยายามสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่
การสร้างความเสมอภาคในเชิงชาติพันธุ์
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเยาวชนที่สร้างสรรค์สิ่งที่เป็น
ประโยชน์
รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวด้วยว่า
แต่ปัญหาที่ตัวแทนเยาวชนสะท้อนให้เห็นน่าสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้ความสำคัญกับกิจกรรม แนวคิดของเด็กค่อนข้างน้อย
การส่งเสริมสนับสนุนเป็นลักษณะแกนๆ
ทั้งที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศนโยบายเรื่องการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับ
เยาวชนเป็นวาระแห่งชาติ แต่ในทางปฏิบัติทั้งการสนับสนุนกิจกรรม โครงการ
งบประมาณของผู้ใหญ่ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จังหวัด
ไม่ได้ปฏิบัติให้สัมพันธ์กับสิ่งที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ
หรือมีเพียงการส่งเสริมขับเคลื่อนเฉพาะจุดในบางพื้นที่เท่านั้น ทั้ง
ยังพบอีกว่าเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.)
บางจังหวัดยังวางกรอบให้เยาวชนต้องจัดทำกิจกรรมตามที่ พมจ.กำหนดเท่านั้น
ถือเป็นการปิดกั้นความคิดเยาวชน
นอก จากนี้ ในระดับกระทรวงก็ขาดการประสานงานกัน
โดยพบว่าหากเป็นสภานักเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการไปทำกิจกรรมให้ลาเรียน
ได้ แต่หากเป็นสภาเด็กและเยาวชนสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังและความมั่นคงของมนุษย์
(พม.) ไม่อนุมัติให้ลาเรียน ทั้งที่เด็ก 2 กลุ่มส่วนใหญ่ 80-90%
เป็นเด็กกลุ่มเดียวกัน
และยังพบด้วยว่าเมื่อเด็กได้รับการเลือกตั้งเป็นตัวแทนระดับอำเภอ
แต่ไม่มีผู้ใหญ่สนับสนุนในการทำกิจกรรม
ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าจะทำให้เยาวชนเกิดความท้อและส่งผลให้สภาเด็กและเยาวชน
เกิดความอ่อนแอ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077632
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น