++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คุณ "ฟิต" แค่ไหน? รีเช็กง่ายๆ ด้วยตัวเอง

คุณ "ฟิต" แค่ไหน? รีเช็กง่ายๆ ด้วยตัวเอง

จนถึงวันนี้ (15 ก.ค.)
ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
แทบไม่มีวันไหนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ไม่มีรายงานการขึ้นทะเบียนผู้เสีย
ชีวิต เช่นเดียวกับยอดผู้ติดเชื้อที่ตัวเลขทะยานไต่ระดับเลยสี่พันรายไปเรียบร้อย
แล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่าง "กระทรวงสาธารณสุข"
จะสามารถทำให้สถานการณ์ดังกล่าวดีขึ้นได้เลย

ดังนั้น ประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ ท่านๆ
เห็นทีจะรอนโยบายการควบคุมการระบาดของ ฯพณฯ ทั้งหลายกันไม่ไหวแน่
ดีที่สุดในขณะนี้ที่ทำได้ ก็คือ
การป้องกันตัวเองให้ห่างไกลเจ้าโรคระบาดรุนแรงนี้ให้ได้มากที่สุด
ซึ่งหนทางที่ดีหนทางหนึ่งคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายของเรา
ด้วยการออกกำลังกาย

สุรศักดิ์ เกิดจันทึก หัวหน้างานทดสอบและส่งเสริมสมรรถภาพการกีฬา
กองสมรรถภาพการกีฬา ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ให้ข้อมูลถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายในเชิงวิทยาศาสตร์สุขภาพ ว่า
การออกกำลังกายจะทำให้ช่วยเพิ่มปริมาณของเม็ดเลือด
ทั้งเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง
ซึ่งเม็ดเลือดนี้จะมีส่วนในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
ทำให้ไม่อ่อนแอและไม่เจ็บป่วยง่าย และในทางตรงข้าม
สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ร่างกายจะไม่แข็งแรง
เมื่อเจอเชื้อโรคก็จะเข้าสู่ร่างกายง่าย
อากาศเปลี่ยนก็จะมีอาการเจ็บป่วยง่ายกว่า

"การออกกำลังกาย เราจะรู้สึกเหนื่อย
ก็จะสูดเอาออกซิเจนเข้าไปมากขึ้น การสร้างเม็ดเลือดก็เพิ่มขึ้น
ปอดก็จะขยายมากขึ้น ปอดแข็งแรง หัวใจก็จะสูบฉีดเลือดมากขึ้น
หัวใจก็จะแข็งแรง"

สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำหรือเริ่มต้นใส่ใจสุขภาพด้วยการ
เริ่มต้นออกกำลังกายบ้างแล้ว สุรศักดิ์ก็มีวิธีการเช็คร่างกายแบบง่ายๆ
ว่า ร่างกายของเรานั้น ฟิตหรือไม่ฟิตหรือไม่อย่างไร
และควรทำอย่างไรหากยังไม่ฟิตพอ

"ประการแรกที่ดูได้เลยนะครับคือสัดส่วน
ไม่ควรจะอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป
หรือถ้าจะให้ชัดเจนก็วัดด้วยการหาดัชนีมวลกาย BMI หรือวัดด้วยสายวัด
โดยวัดบริเวณรอบเอวและรอบสะโพก แล้วเอาผลวัดสะโพกหารด้วยผลวัดเอว
ผู้ชายไม่ควรจะได้เกิน 1 และผู้หญิงไม่ควรจะได้เกิน 0.85
ถ้าเกินว่าถืออ้วน"

"ต่อมาคือความแข็งแรงอดทนของกล้ามเนื้อ ว่า
เราออกกำลังกายได้นานไหม เราเคลื่อนไหวได้รวดเร็วหรือไม่
อย่างที่สามคือความยืดหยุ่น วิธีการเช็คความยืดหยุ่นง่ายๆ
คือเหยียดขาตรงแล้วก้มลงแตะข้อเท้า
ส่วนกล้ามเนื้อส่วนบนให้ทดสอบด้วยการยกมือหนึ่งข้ามไหล่ไปด้านหลังและอีกมือ
หนึ่งอ้อมด้านหลังไป ให้มือสองข้างแตะกันได้
ถ้าแตะได้จึงจะถือว่าร่างกายมีความยืดหยุ่น"

หัวหน้างานทดสอบ
ยังได้แนะวิธีรีเช็กความฟิตของร่างกายด้วยการออกกำลังกายง่ายๆ
ต่อไปอีกว่า เราสามารถเช็กความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายได้ด้วยการวิดพื้น
หากเป็นชายให้วิดโดยเหยียดขาใช้ปลายเท้าดัน
แต่ผู้หญิงใช้วิธีคุกเข่าวิดพื้น โดยใน 1 นาที ไม่ควรจะได้ต่ำกว่า 30
ครั้งทั้งในเพศชายและเพศหญิง

อีกวิธีหนึ่งคือ การก้าวขึ้นและก้าวถอยหลังลงจากพื้น
หรือขั้นบันไดที่สูงต่างระดับกันประมาณ 1 ฟุต ต่อเนื่องกัน 3 นาที
เสร็จแล้ววัดชีพจร ซึ่งชีพจรควรจะอยู่ที่ประมาณ 120-130 ครั้งต่อนาที
หากสูงกว่านี้ถือว่าหัวใจไม่ฟิต

ส่วนวิธีการวัดกล้ามเนื้อลำตัวว่าแข็งแรงหรือไม่
ให้ลองนอนหงายและซิต-อัปดู
หากไม่ขึ้นแสดงว่ากล้ามเนื้อลำตัวต้องการการพัฒนาให้แข็งแรงอย่างรีบด่วน

ขณะที่ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ไม่สามารถออกกำลังกายหนักๆ
ได้ก็มีวิธีวัดความฟิตเฟิร์มเช่นกัน วิธีการก็ง่ายๆ โดยมี "เก้าอี้"
เป็นอุปกรณ์ช่วย วิธีการก็คือ นั่งบนเก้าอี้ และลุกขึ้นยืน
และนั่งลงสลับกันอย่างต่อเนื่อง หากได้ถึง 30 ครั้งโดยไม่หยุดเลย
ถือว่าร่างกายฟิต

"ส่วนผู้ที่เช็กแล้วพบว่าตัวเองไม่ฟิตก็ไม่ต้องตกใจ
เพียงปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต สละเวลาแค่ 15-30 นาทีต่อวันมาออกกำลังกาย
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
แต่ละครั้งเพื่อเตรียมความพร้อมให้ร่างกายก่อนการออกกำลังกาย
ความวอร์มอัปอุ่นเครื่องร่างกายเสียก่อน ด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อแขนขา
สะบัดและเหวี่ยงข้อต่อต่างๆ สัก 5-10 นาที"

"เมื่อออกกำลังเสร็จก็ควรคูลดาวน์ร่างกายเพื่อให้ร่างกายค่อยๆ
เย็นลง และเป็นการไล่กรดแลคติกซึ่งเป็นของเสียที่เกิดจากขบวนการ
anaerobic metabolism กรดแลคติกเป็นสาเหตุของการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
และการวอร์มอัพและคูลดาวน์จะช่วยกำจัดมันไปได้"

เพียงเท่านี้
ความฟิตและความเฟิร์มก็จะมาเยือนสุขภาพร่างกายของคุณแบบไม่มีเงื่อนไข
แต่อย่างไรก็ดี สุรศักดิ์ได้ทิ้งท้ายว่า
แม้การออกกำลังกายจะช่วยให้แข็งแรง
แต่การทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขก็สำคัญ
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยอย่างเคร่งครัดก็คือ
การสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้านไปอยู่ในที่ชุมชนที่อากาศถ่ายเท
ไม่สะดวก และการล้างมือบ่อยๆ

"และ หากคุณทำตามคำแนะนำของกระทรวงฯ
บวกกันกับการใส่ใจสุขภาพโดยการหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
คุณก็จะลดความเสี่ยงในการติดหวัด 2009 ลงไปได้มากทีเดียวครับ" สุรศักดิ์
สรุปทิ้งท้าย

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000080056

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น