++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สธ.พบคนไทยป่วยทางจิต เข้ารักษาปีละกว่า 1 ล้านคน เร่งดึงพลังอบต. 300 แห่งช่วยดูแลป้องกัน

from MOPH-ข่าวเพื่อสื่อมวลชน by สำนักสารนิเทศ
กระทรวง สาธารณสุข เผยผลสำรวจล่าสุด พบคนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตสูงถึงร้อยละ
20 หรือประมาณ 6- 12 ล้านคน
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและกลุ่มคนทำงานที่ไม่มั่นคง ป่วยเข้ารักษาปีละกว่า 1
ล้านคน ดึงพลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา
อสม.ในชุมชน ร่วมเป็นเครือข่ายป้องกัน ช่วยเหลือดูแลผู้ที่มีปัญหา
ตั้งเป้าหมายดำเนินการปีนี้กว่า 250 แห่งทั่วประเทศ วันนี้ (13 กรกฎาคม
2552) ที่โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร นายมานิต นพอมรบดี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ชาตรี บานชื่น
อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การ
บูรณาการงานสุขภาพจิตและจิตเวชโดยเครือข่ายสู่ชุมชน:พลังท้องถิ่นกับสุขภาพ
จิตไทย โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สำนักอนามัย กทม.
นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรสาธารณสุขประจำสถานีอนามัย อสม.
และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม 300 คน
เพื่อขยายเครือข่ายการพัฒนาสุขภาพจิตในระดับชุมชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายมานิต กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยเผชิญกับภาวะบีบคั้นรอบด้าน
ทั้งจากวิกฤตเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น
การปรับตัวจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง ทำให้ประชาชนเกิดความเครียด
มีความวิตกกังวลสูง มีอารมณ์แปรปรวน
ในรายที่มีอาการสะสมรุนแรงก็จะพัฒนาไปสู่อาการทางจิตหรือฆ่าตัวตายได้
โดยผลสำรวจล่าสุดในปี 2551 พบคนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตสูงถึงร้อยละ 20
หรือประมาณ 6-12 ล้านคน
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่ทำงานนอกบ้านและรับผิดชอบดูแลบ้านและครอบครัว
รวมทั้งผู้ที่ทำงานมีรายได้ไม่แน่นอน เช่น ลูกจ้าง พนักงานบริษัท กรรมกร
คนกลุ่มนี้เสี่ยงมีปัญหาสุขภาพจิต สูงกว่ากลุ่มอื่นถึง 3 เท่า
นอกจากนี้ยังพบว่าประชาชนร้อยละ 90
เข้าใจผิดคิดว่าผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต เป็นผู้ป่วยโรคจิตหรือเป็นคนบ้า
และมีความกังวลเมื่ออยู่ร่วมกับผู้ป่วยจิตเวช
ทำให้ผู้ป่วยโรคจิตถูกสังคมรังเกียจและเป็นบุคคลอันตราย ทั้งๆ
ที่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตมีสถิติการก่อคดีเพียงร้อยละ 2-3
ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับคดีที่เกิดจากคนปกติ นายมานิตกล่าวว่า
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตสามารถรักษาให้หายได้
สามารถใช้ชีวิตและทำประโยชน์ให้สังคมได้เหมือนคนปกติทั่วไป
เพื่อป้องกันไม่ให้คนปกติเกิดปัญหาสุขภาพจิต
และช่วยเหลือให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งส่วนใหญ่มักอยู่ในชนบท
ให้ได้รับการดูแลจนหายป่วย กระทรวงสาธารณสุขได้มอบนโยบายให้กรมสุขภาพจิต
เร่งขยายงานสุขภาพจิตและจิตเวชลงสู่ชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา อสม. มีส่วนร่วมจัดกิจกรรมป้องกันและ
ดูแลผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต
สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่าผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่คนบ้า
แต่เป็นผู้ที่ต้องช่วยกันดูแลช่วยเหลือ ตั้งเป้าหมายขยายลงอบต.ปีนี้ 304
แห่ง ด้านนายแพทย์ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า
แต่ละปีมีผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเข้ารักษาที่โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า
1,300,000 ราย มากที่สุดคือ โรคจิต โรควิตกกังวล อย่างละกว่า 360,000 ราย
และ โรคซึมเศร้ากว่า 120,000 ราย
กรมสุขภาพจิตได้เริ่มโครงการบูรณาการงานส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตลง
สู่ชุมชน ตั้งแต่ปี 2549 โดยพัฒนาศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พัฒนาความรู้อสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
เรื่องการส่งเสริมสุขภาพจิตของคนในชุมชน
การค้นหาให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีอาการทางจิต
การจัดการความเครียดตั้งแต่เริ่มมีปัญหา ผลการดำเนินงานถึงปี 2551
มีอบต.เข้าร่วมโครงการ 1,672 แห่ง
และประชาชนกลุ่มเป้าหมายสามารถจัดการความเครียดได้อย่างเหมาะสม ร้อยละ 93
และมีชุมชน 3,478 แห่ง
ที่ยอมรับและให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีอาการทางจิตในชุมชนได้อย่างทันท่วงที
************************************ 13 กรกฎาคม 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น