++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

คลังถังแตก! นายกฯ มือใหม่ หัวใจอยู่ที่ใคร?

โดย สุวิชชา เพียราษฎร์


ฟังคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ
"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
(10 พ.ค.) ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ตลอดจนเหตุผลในการรีดภาษีบาป
เหล้า-บุหรี่ และอาจจะรวมถึงภาษีประเภทอื่นๆ อาทิ น้ำมัน
ที่จะตามมาแล้วอยากจะเชื่อมั่นประเทศไทย อยากจะเชื่อมั่นนายกฯ
ตามชื่อรายการที่เชิญชวน ทว่า ...

สิ่งที่นายกฯ อภิสิทธิ์เพียรอธิบายดูเป็นตรรกะที่ฟังรื่นหูก็จริง
แต่ฟังไปฟังมาก็ให้นึกถึงคำพูดประเภทหนึ่งที่พูดเมื่อไหร่ก็ใช่
เมื่อไหร่ก็ถูก เข้าทำนองพูดอีกก็ถูกอีก

อย่างกรณีเรื่องขึ้นภาษีท่านบอกว่า
"สิ่งที่เราคิดว่าเป็นฐานภาษีที่จำเป็นที่จะต้องมีการปรับ
ก็มุ่งไปในเรื่องของภาษีบาป นั่นคือเรื่องของเหล้ากับบุหรี่
นอกจากจะเป็นการเอื้อต่อการที่เราจะมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วยังสอดคล้องกับแนว
นโยบายทางด้านสาธารณสุข ในแง่สุขภาพของคนไทย
ถ้าเราจัดเก็บภาษีเรื่องเหล้า เรื่องบุหรี่ เพิ่มขึ้น
ก็จะมีส่วนช่วยในการปรับพฤติกรรมของประชาชนที่ยังสูบบุหรี่
ที่ยังดื่มเหล้าอยู่ด้วย"

แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน รัฐบาลใด
เมื่อรายได้ของรัฐเก็บไม่ได้ตามเป้าหมาย มาตรการ "รีดภาษี" หรือ
"ถอนขนห่าน" ก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกแรกเสมอที่จะต้องถูกงัดออกมาใช้

และแน่นอนอีกเช่นกันว่า
การรีดภาษีบาปเป็นมาตรการซึ่งจะทำให้รัฐบาลได้เงินมาเร็วและมหาศาล
โดยอยู่ภายใต้ความเชื่อที่ว่า มาตรการเช่นนี้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
ยกเว้นคอเหล้าและสิงห์อมควัน ที่เป็นคนบาปของสังคม

เรื่องเหล้า บุหรี่
และสุขภาพนี้ให้ถามร้อยคนก็จะตอบกลับมาร้อยคนว่าเห็นด้วย
ไม่มีเหตุผลอะไรไม่เชื่อมั่นประเทศไทยและนายกฯ ในประเด็นนี้
เพียงแต่นัยของความไม่เชื่อมั่นที่มองอยู่ที่ "วิธีคิด-วิธีจัดการ"
ของรัฐบาลต่างหาก

วิธีคิดแบบที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า
รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มา
ไม่ได้แสดงออกให้เห็นซึ่งความต่างและหนีให้ไกลจากวังวนเก่าๆ
ที่เอาแต่มองและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

กล่าวคือ พอเงินขาดมือก็เร่งรีบรีดภาษี เหล้า บุหรี่
น้ำมันอยู่แค่นี้ ไม่เตรียมพร้อมและพยายามแสวงหาสิ่งใหม่ๆ
ที่จะเปลี่ยนแปลงทั้งรัฐบาลและประชาชนให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่เสียที

สิ่งใหม่ๆ เหล่านั้นคืออะไรบ้าง ก็เช่น
การปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ
การปรับปรุงฐานข้อมูลเรื่องภาษีที่จะทำให้ทันสมัย
ภาษีรั่วไหลน้อยที่สุดเพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี
ทั้งต่อธุรกิจและประชาชน

อย่างเช่น "ภาษีบาป" พูดกันตามความเป็นจริงแล้ว
ก็ไม่ได้มีแค่เรื่อง เหล้า-บุหรี่ ถามว่าแล้ว อาบ อบ นวด ล่ะ ผับ บาร์
สถานบันเทิงประเภทคาวโลกีย์อื่นๆ อีกมากมายล่ะ รัฐบาลจะทำอย่างไร?
หรือรัฐบาลไม่กล้าไปแตะสิ่งพวกนี้
เพราะปัจจุบันสิ่งที่สถานบันเทิงคาวโลกีย์เหล่านี้จ่ายนอกจากภาษีในระบบแล้ว
ก็ยังมีภาษีนอกระบบที่จ่ายให้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร
และนักการเมืองด้วย ใช่หรือไม่?

ส่วนกับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อม ขนาดเล็ก หรือ SMEs
ที่ประพฤติตัวเป็นเด็กดี
ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการปรับโครงสร้างภาษีหรือลดหย่อนภาษี
ส่งเสริมอัตราภาษีให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย
สามารถที่จะฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจได้หรือไม่?

รัฐบาลควรที่จะเร่งทำเรื่องเหล่านี้ควบคู่กันไปกับการรีดภาษีเฉพาะ
หน้า และ ควรส่งสัญญาณและพูดออกมาบ้างว่า เราๆ ท่านๆ
ที่เป็นประชาชนจะได้รับประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมอะไรบ้างจาก 'ภาษี'
ที่ต้องเสียบำรุงรัฐ และบำรุงกระเป๋านักการเมืองทุกๆ ปี

ต้องไม่ลืมว่าในสภาวะที่เศรษฐกิจเลวร้ายเช่นปัจจุบัน
หากรัฐบาลแสดงออกถึงการดูแลประชาชนของตนเองด้วยมาตรการภาษีอย่างเต็มที่
ความเชื่อมั่นจะหลั่งไหลให้รัฐบาลโดยไม่ต้องร้องขอ
มิใช่พอถึงรอบปีชำระภาษีก็เร่งรัดประชาชนตาดำๆ
หรือธุรกิจสุจริตให้พากันเสียภาษีตามกฎหมาย
ขณะที่ละเลยปล่อยให้มหาเศรษฐีและบริษัทยักษ์ใหญ่เลี่ยงภาษีอย่างสบาย

สอง กับคำพูดของนายกฯ ที่บอกว่า "ในวันที่เข้ามารับตำแหน่ง
เวลาของปีงบประมาณผ่านไปเพียง 3 เดือน ก็มีการประเมินว่า
การจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าเป้าไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท
และเมื่อมาเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายในทางการเมืองด้วย
หลังจากที่เราได้ดูตัวเลขในช่วงต้นปีในทางเศรษฐกิจ
ขณะนี้ก็มีการคาดการณ์กันว่าการจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าเป้าถึง 2
แสนล้านบาทขึ้นไป
ตรงนี้ก็ย่อมมีผลกระทบกับการบริหารจัดการทางด้านการเงินการคลังของรัฐบาล"

คำพูดเช่นนี้แปลว่าอะไร?
แปลว่าเดิมรัฐบาลคาดว่าจะเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 1
แสนล้านแต่แวบเดียวห่างกันไม่ถึงเดือน ก็มาบอกว่ารายได้น่าจะขาดเพิ่มถึง
2 แสนล้านนี่จึงเป็นเหตุให้ต้องตาลีตาเหลือกขึ้นภาษีบาปและน้ำมันอย่างที่เป็น
ตรงนี้เหมือนคุณอภิสิทธิ์จะยอมรับกลายๆ
ว่ารัฐบาลประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจผิดพลาด

คนเมื่อตัดสินใจอะไรพลาดแล้วพลาดอีก ความเชื่อมั่นย่อมลดลง
ฉันใดก็ฉันนั้น รัฐบาลไหนๆ ในโลกนี้ก็เช่นกัน
การประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะหากนับ
ย้อนไปในอดีต ทั้งเรื่องปัญหาการเมือง ทักษิณ-เสื้อแดง
ความล้มเหลวอย่างน่าอับอายที่สุดในการประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยา
ที่ส่งผลเสียใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนในภาพรวม
ความพยายามจะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือนัก
โกงเมืองและยืดอายุรัฐบาล
ก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากการประเมินที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของท่านไม่ใช่หรือ?

กระนั้น ผมเชื่อว่าด้วยช่วงเวลาที่เหลืออยู่
รัฐบาลของท่านยังมีเวลามากพอที่จะพิสูจน์และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน
ได้หากกล้าจะที่เปลี่ยนแปลงตนเอง

พูด ถึงการเปลี่ยนแปลง
ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ติดตามดูหนังซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง "CHANGE"
กำลังเป็นที่กล่าวขวัญอยู่ในบ้านเมืองตอนนี้ ผมถามท่านว่า หาก "อาซากุระ
เคตะ" ได้ชื่อว่า นายกฯ มือใหม่ หัวใจประชาชน แล้ว 5 เดือนกว่าๆ
ในตำแหน่งของคุณอภิสิทธิ์ "นายกฯ มือใหม่ของเรา"
หัวใจของท่านอยู่ที่ประชาชนหรือใครกันแน่?

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000052442

ตอนช่วงต้นรัฐบาล ท่านทำท่าขึงขังเรื่องภาษีมรดก (ภาษีคนรวย)
แต่ยังไม่ทันข้ามคืน ก็คว่ำไม่เป็นท่า
โดยให้เหตุผลว่า...ยังต้องใช้เวลาศึกษาอีกหลายปี

แต่พอถึงเวลาภาษีบาป (ภาษีคนจน) ขึ้นได้ทันที
ด้วยข้ออ้างที่เด็กที่ไหนก็อ้างได้ ผู้ใหญ่ก็เถียงไม่ออก

ประเด็น จึงไม่ได้อยู่ที่การเลือกใช้ หรือเฟ้นหามาตรการ
แต่อยู่ที่มุมมองของรัฐบาลมากกว่า ผมจึงรู้สึกเห็นด้วยกับผู้เขียน
เพราะจนป่านนี้ผมยังไม่เห็นว่ารัฐบาลนี้ต่างกับรัฐบาลที่ผ่านมาตรงไหน
ในแง่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
เพราะถ้าขาดมุมมองที่ถูกต้องกับความกล้าหาญในการตัดสินใจแล้ว
ประเทศชาติไปไม่รอดหรอกครับ!

เรื่องโอ๋นายกฯ ผมไม่ค่อยแปลกใจหรอกครับ เป็นนิสัยปกติของคนไทย
ช่วงต้นของรัฐบาลทักษิณก็แบบนี้เหมือนกันเปี๊ยบ
โอ๋กันจนทักษิณเข้าใจว่าตัวเองเป็นเทวดา ทำอะไรก็ได้ ก็เลยโดนซะ!
anubha298@gmail.com

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ14 พฤษภาคม 2552 เวลา 11:10

    โดนจริงๆ สำหรับประชาชนตาดำ ๆ อย่างผม ผมไม่เคยโพสสักที ขอตอบอย่างสุภาพที่สุดแล้ว คุณอภิสิทธิ์ ตอนนี้คุณควรจะทำอะไรให้มันเข้าท่ากว่านี้ ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้แล้วทำไมไม่รีบนั่งทำงานที่มันควรทำ ทำอะไรให้เป็นที่รักของประชาชนที่เขาเดือดร้อนอยู่ ซื้อใจด้วยความจริงใจ ผมเพิ่งเริ่มคิดว่าคุณไม่เข้าท่าแล้ว เพราะภาษีนี่แหละ เศรษฐกิจอย่างนี้ คุณเคยเล่นเกมส์ The sim ไหม เขาขึ้นภาษีกันตอนไหน แล้วผลลัพธ์ตอนขึ้นแบบนี้มันเป็นยังไง บอกตรงๆ อดีตมันลอยมาอยู่ตรงหน้า อนาคตมองไม่เห็นแล้ว เอาเงิน 2000 มาให้ ผมเฉยๆ เพราะคุณทำเอาใจ แล้วจริงๆ คุณก็เอากลับไปร้อยเท่าพันเท่าแบบนี้ ลองนึกถึงใจคนรากหญ้าบ้าง เหล้า บุหรี่ น้ำมัน ค่าเดินทาง คนหาเช้ากินค่ำอย่างผมต้องใช้ครับ มันเป็นความสุขที่จะพอหาได้โดยไม่ได้ไปปล้นจี้ใคร ความเป็นอยู่กับภาระของมนุษย์หาเงินธรรมดาๆ คนหนึ่งก็เครียดจะตายห่าอยู่แล้ว นู่นไอ้ ปตทวย คนเค้าด่ากันทั้งประเทศ ทำไมคุณไม่รีบช่วย คุณถึงไม่กล้าแตะต้อง เค้าเป็นแม่ยกใช่มั๊ย คุณมาทำอย่างงี้ ผมขอถอดใจจากคุณดีกว่านะครับ

    ตอบลบ