++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แนวทางที่ควรจะทำเพื่อรับมือวิกฤตในครั้งนี้ก็คือ ต้องกลับมามองที่หน่วยเล็กที่สุดก่อน

    ผมเห็นว่าแนวทางที่ควรจะทำเพื่อรับมือวิกฤตในครั้งนี้ก็คือ ต้องกลับมามองที่หน่วยเล็กที่สุดก่อนและเริ่มแก้ที่หน่วยเล็กที่สุดก่อนตาม หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ ที่ตัวบุคคลแต่ละคน โดยต้องพยายามช่วยเหลือตัวเอง ประคับประคองตัวเองให้รอดก่อน (แต่ผมจะชื่นชมมากถ้ามีบุคคลใดมีความเสียสละอย่างมากเพื่อช่วยคนอื่นให้รอด โดยตัวเองต้องแย่หรือขนาดต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวง) เมื่อตนรอด(อย่างพอเพียง)แล้ว จากนั้นช่วยครอบครัวญาติพี่น้องให้รอด (คนในตรอบครัวก็ต้องช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นตามแนวทางนี้เช่นกัน)

เมื่อ ครอบครัวรอดแล้วก็ไปดูเพื่อนบ้าน ให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รักใครสามัคคีกันในชุมชนหรือหมู่บ้าน อย่างน้อยก็กับครอบครัวอื่นที่อยู่ติดกับครอบครัวเรา เมื่อชุมชนเรารอดแล้วก็ให้ขยายความช่วยเหลือในระดับที่กว้างขวางออกไป เรื่อยๆ เป็นระดับตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค ประเทศ ภูมิภาค ฯลฯ

การที่ จะเอาตัวให้รอดก็คงต้องให้มีปัจจัย 4 ให้ครบถ้วนอย่าง เพียงพอ = พอเพียง ก่อน (ถ้าไม่พอเพียง ขาดสมดุล ปัญหานี้จะแก้ยาก หรือแก้แล้วก็จะกลับมาใหม่(จะเห็นว่าคำสองคำนี้ เมื่อนำมาเขียนเป็นสมการแล้วจะได้สมการสมดุล นำไปสู่ความมีเสถียรภาพ มั่นคง ฯลฯ )) คืออาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค การให้ได้ปัจจัย 4 นี้ อาจได้มาทั้งการช่วยเหลือตัวเองหรือการร่วมมือร่วมใจของคนรอบข้าง (ยึดวิธีการที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้ได้มา)

เช่น กรณีอาหาร หากใครตกงานหรือโดนลดเงินเดือน ก็ให้สร้างงานของตนเองขึ้นมาเอง โดยงานนั้นมุ่งให้ได้อาหารมาประทังชีวิตก่อน เช่น ทำนา ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือถ้าคิดว่าตัวเองทำได้โดยมีเหลือบ้างก็ค่อยเอาไปแจก ขาย หรือแลกกับปัจจัยการดำรงชีวิตที่คนอื่นมี (ต้องดูทรัพยากรของแต่ละท่านด้วยว่ามีอะไร จะทำอะไร แค่ไหน ถนัด ทำได้หรือไม่ หรือทำไม่ได้แต่มีความจำเป็นต้องพยายามทำให้ได้หรือไม่ ฯลฯ)

กรณี ที่อยู่อาศัย หากยังไม่มีก็อาจต้องแสวงหา เช่น กลับไปอยู่กับพ่อแม่ ญาติพี่น้อง หรือจัดซื้อ จัดสร้าง เช่า ฯลฯ เพื่อให้ได้มีที่พักพิงให้รอดก่อน ถ้าเมื่อก่อนมีรถ แต่ยังไม่มีบ้าน ก็อาจต้องพิจารณาสละรถเพื่อให้มีบ้าน(และที่ดินทำกิน)ก่อน

การซื้อ สินค้า บริการต่างๆ ก็ต้องดูตัวเองว่าเรามีกำลัง มีความสามารถหรือไม่ (ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องซื้อ) การซื้อสินค้าเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้สังคมเราอยู่รอดได้ เพราะคนที่พยายามช่วยเหลือตนเองบางคนไม่มีที่ดินจะไปผลิตอาหารเองได้ ก็อาจต้องยึดอาชีพอื่น เช่น ค้าขาย เพื่อให้มีรายได้มาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว แต่ขอให้การซื้อนั้นเป็นการซื้อแบบพอเพียงและเหมาะสม มีการใช้จ่ายบ้าง มีการประหยัดอดออมบ้าง อย่าถึงขั้นตระหนี่ จนเห็นแก่ตัว

วิกฤต เศรษฐกิจครั้งนี้ไม่ใช่จะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด ข้อดียังมีอยู่ เช่น ปัญหาโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ก็น่าจะชะลอความรุนแรงลงไปได้บ้าง เพราะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง การบริโภคลดลง ทรัพยากรของโลกก็จะถูกนำมาใช้น้อยลง ทำให้สามารถมีใช้ได้นานขึ้น ช่วยให้กระบวนการผลิตหรือกิจกรรมต่างๆ ชะลอตัวลงไปได้บ้าง ส่งผลให้การสร้างก๊าซพิษ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ฯลฯ มีน้อยลง

วิกฤต ครั้งนี้น่าจะเปรียบเสมือนกับมีกลไกอัตโนมัติบางอย่างคอยควบคุมโลกอยู่ โดยเสมือนกับมีการพยายามแตะเบรคเพื่อชะลอความเร็วของเครื่องจักรกลโลกก่อน ที่มันจะทำงานจนมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนควบคุมไม่ได้ หรือการพยายามปรับและรักษาสมดุลโลกไว้ตลอดเวลา เพื่อให้โลกอยู่ได้อย่างยาวนาน

อย่างไรก็ตามก็เห็นใจหลายๆ ท่านที่อาจได้รับผลกระทบที่รุนแรงจนอาจเกินกว่าที่จะยอมรับหรือต้านทานได้ คงต้องอาศัยความอึด การมองโลกในแง่ดี รู้จักพลิกแพลง(ในทางสร้างสรรค์) ช่วยเหลือ สามัคคี โอบอ้อมอารีกัน คิดว่าไม่นานก็คงผ่านพ้นไปได้
สุรธรรม

1 ความคิดเห็น:

  1. สำหรับการแก้ปัญหาพื้นฐานของสังคมไทย ที่ภาคเอกชนกำลังเร่งทำงานอยู่ คือการปลดหนี้ให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทยทั่วประเทศ ในรอบขวบปีที่ผ่านมานี้ได้ ขยายงานไปแล้ว ๖๐ อำเภอ เมื่อพี่น้องเกษตรกรประมาณ ๓๕ ล้านคน ได้ปลดหนี้ของตนเอง และมีกินมีใช้อย่างพอเพียง ปัญหาต่างๆของประเทศชาติ จะพบแสงสว่างโดยอัตโนมัติ

    สำหรับองค์กรใดที่มีเครือข่ายของตนเองอยู่แล้ว ต้องการช่วยเหลือประเทศชาติ ในยามที่กำลังมีคว่ามต้องการอย่างยิ่ง ทำการแลกเปลี่ยนแนวความคิดมาได้ ที่ ss3.artavan@gmail.com

    ตอบลบ