++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สธ. เผยคนไทยเป็นโรคธาลัสซีเมีย กว่า 6 แสนคน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     .
       สธ. เผยคนไทยเป็นโรคธาลัสซีเมีย กว่า 6 แสนคน เป็นพาหะกว่า 24 ล้านคน เด็กเกิดใหม่ป่วยปีละ 12,000 ราย ต้องเสียค่ารักษาคนละ 6 ล้านบาทตลอดอายุขัย ระบุผลทดลองยาขับเหล็กของอภ. ช่วง 7 เดือนแรก พบได้ผลดีขับเหล็กได้ แต่มีผลข้างเคียงเม็ดเลือดขาวต่ำตาม ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง
      
       วันที่ 20 เมษายน นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวในงานแถลงข่าว “การจัดประชุมสัมมนาวิชาการธาลัสซีเมียแห่งชาติ ครั้งที่ 15 ประจำปี 2552 : Good will Hope-Best Practice : ตั้งใจงาม ความหวังดี วิธีเลิศ” ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22-24 เมษายนนี้ ที่จ.อุดรธานี ว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียทั่วประเทศประมาณ 630,000 คน คิดเป็นร้อยละ 1 และมีผู้ที่เป็นพาหะประมาณ 18-24 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 30-40 โดยในปีที่ผ่านมีรายงานเด็กเกิดใหม่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย ประมาณ 5,000 ราย และยังมีเด็กที่ป่วยเป็นธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง แพทย์ต้องทำแท้งให้อีกประมาณ 300 ราย ทั้งนี้คาดการณ์เฉลี่ยแต่ละปีมีเด็กเกิดใหม่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมียประมาณ 12,000 คน ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษารายละ 6 ล้านบาทตลอดอายุขัย 30 ปี
      
       ทั้งนี้ โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคเลือดจางที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ผู้ที่มียีนธาลัสซีเมียมีทั้งผู้ที่เป็นโรคและเป็นพาหะ ซึ่งผู้เป็นพาหะจะไม่แสดงอาการ ขณพที่ผู้ที่เป็นโรคจะมีอาการแตกต่างกันไปตามความรุนแรง โรคธาลัสซีเมียที่พบบ่อยในประเทศไทยมี 3 ชนิด คือ 1.โรคฮีโมโกลบินบาร์ท ไฮดรอพส์ฟิทัลลิส มีความรุนแรงที่สุดผู้ป่วยจะเสียชีวิตในครรภ์ หรือหลังคลอดภายใน 24 ชั่วโมง 2.โรคโฮโมซัยกัสเบต้าธาลัสซีเมีย ต้องรักษาด้วยการให้เลือด และยาขับเหล็ก และ3.โรคเบต้าธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบินอี ซึ่งแต่ละชนิดมีอาการแตกต่างกัน ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการน้อยมากจนไม่ต้องให้การรักษา
      
       รศ.นพ.ธันยชัย สุระ ผู้แทนมูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับยาขับเหล็กยาขับเหล็กชนิดรับประทาน (GPO-L1) ขององค์การเภสัชกรรม(อภ.) ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลอง กับกลุ่มตัวอย่างในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 300 คน ผลการทดลอง 7 เดือนแรก พบว่า สามารถลดธาตุเหล็กได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่มีผลข้างเคียงคือ ทำให้เม็ดเลือดขาวลดลงตามไปด้วย ซึ่งหมายถึงทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง อย่างไรก็ตาม โครงการทดลองนาน 1 ปี หากจบโครงการจึงจะสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสามารถแจกจ่ายยาดังกล่าวไปให้ผู้ป่วยทั่วไปรับทานได้ ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น จากเดิมที่ใช้ยาขับเหล็กชนิดฉีด ต้องฉีดสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง ครั้งละ 8 ชั่วโมง
      
       รศ.นพ.ธันยชัย กล่าวว่า โรคธาลัสซีเมียพบได้ทั่วประเทศแต่พบมากที่สุดคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้ป่วยประมาณ ร้อยละ 40 แต่มีผู้ป่วยแฝงหรือพาหะ มากถึงร้อยละ 80 ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้นการลดการระบาดของโรคทำได้ด้วยการป้องกัน คือ คู่สมรสต้องวางแผนครอบครัว วางแผนการมีบุตร ด้วยการตรวจคัดกรองเลือด หากพบว่าป่วยเป็นธาลัสซีเมียทั้งคู่ ก็ไม่ควรมีบุตร แต่หากป่วยเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่เป็นไร รวมทั้งสามารถตรวจวินิจฉัยทารกในครรภ์ว่าป่วยได้หรือไม่
      
       “ปัญหา ที่พบคือ หญิงตั้งครรภ์มักจะฝากครรภ์กับแพทย์ เมื่ออายุครรภ์มากแล้วคือเกิน 5 เดือนขึ้นไป ซึ่งเมื่อตรวจพบว่าแม่หรือพ่อป่วยเป็นธาลัสซีเมียก็สายเกินไปแพทย์ไม่สามารถ ช่วยเหลือได้ ต้องยอมให้เด็กคลอดออกมา แต่หากฝากครรภ์ตั้งแต่อายุครรภ์น้อยๆ แพทย์สามารถตรวจคัดกรองได้เร็ว แพทย์จะให้ความช่วยเหลือโดยแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ทันที” รศ.นพ.ธันยชัย กล่าว
      
       ทั้งนี้ การประชุมสัมมนาวิชาการครั้งนี้จึงเป็นการรวบรวมความรู้และเทคโนโลยีทางด้าน ธาลัสซีเมียที่มีความก้าวหน้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งเป็นการบูรณาการในการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการให้เป็นมาตรฐาน เดียวกัน นอกจากนี้จะมีการโชว์ผลงานการรักษาโรคธาลัสซีเมียด้วยวิธีการปลูกถ่ายเซลล์ ต้นกำเนิด และการโชว์ชุดทดสอบธาลัสซีเมียซึ่งเป็นนวัตกรรมครั้งแรกของโลกอีกด้วย

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000044259

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น