++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2552

คุณยายพันธมิตรฯสงขลา หนุนปชช.ทำการเมืองใหม่ให้ลูกหลาน

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

ความสำเร็จของการปลุกการเมืองภาคประชาชนให้ตื่นตัวทุกหัวระแหง
ดั่งไฟลามทุ่ง ได้เกิดขึ้นแล้วในสังคมไทยอย่างที่ไม่มียุคไหนเคยปรากฏมาก่อน
ด้วยผู้ที่ร่วมอุดมการณ์สร้างการเมืองใหม่
มิได้มีเพียงเหล่าปัญญาชนที่ศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย เหล่านักวิชาการ
หรือบุคคลผู้มีหน้าที่การงานใหญ่โตทางสังคมเท่านั้น
แต่ยังเพียบด้วยเยาวชนรุ่นจิ๋ว ตลอดจนถึงคนรุ่นเดอะ ทั้งคุณป้า คุณตา
คุณยาย หรืออาม่า อากง ที่มีเชื้อสายจีน

"หลาย คนมองว่าคนแก่ ไม่มีเรี่ยวแรง แถมยังขี้โรคอย่างนี้
จะไปสู้รบตบมือเพื่อสร้างการเมืองใหม่กับใครไหว
แต่สำหรับคนแก่อย่างยายถึงแก่ก็จะสู้
เพราะความเข้มแข็งที่อยู่ในใจมันเป็นเกราะป้องกันให้ร่างกายแข็งแรง"
นี่เป็นเสียงแรกที่เราได้ยินจากปากคุณยายพันธมิตรฯ
ที่กล่าวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่รับรู้ได้ถึงการเอาจริงในสิ่งที่พูด

ยาย ออ หรือ นางละออ บุญเลิศ อายุ 77 ปี
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา กล่าวว่า
สาเหตุที่กลุ่มคนรุ่นเดอะเหล่านี้ ต้องเสียสละความสุขส่วนตัว
ออกมาร่วมขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนอีกครั้ง
ทั้งที่ควรจะใช้ชีวิตในบั้นปลายพักผ่อน
ทดแทนการตรากตรำทำมาหาเลี้ยงครอบครัวมาค่อนชีวิต ก็เพราะทนไม่ได้
ที่สังคมถูกบิดเบือน ป้ายสีที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง

ยิ่งเมื่อเห็นว่า
"ระบอบทักษิณ"ได้โกงกินบ้านกินเมืองตลอดระยะเวลาการบริหารประเทศนับแสนๆ
ล้านบาทแล้ว ยิ่งหวั่นใจว่าต่อไปประเทศไทยจะไม่มีทรัพยากรและมรดกใดๆ
เหลือให้ลูกหลานไทยได้ภาคภูมิใจได้อีก
หากสามารถแลกกับความสุขส่วนตัวและชีวิตของคนแก่ที่ผ่านโลกมามากแล้ว
ก็ยินดีที่จะทำ และเมื่อได้ลงทุนแรงกายแรงใจไปแล้ว
อยากให้การเมืองภาคประชาชนได้ผลิดอกออกผลสู่การเมืองใหม่

ภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความร่วงโรย
แต่ยังสามารถถ่ายทอดความทรงจำได้อย่างเด่นชัด ยายออเริ่มเล่าให้ฟัง
ถึงเรื่องราวย้อนเวลาสู่อดีตอีกครั้งว่า
ถ้านับการต่อสู้กับพวกขายชาติอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ปี 2536 สมัย
พล.อ.สุจินดา คราประยูร
ที่ตระบัดสัตย์ขอรับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง
หลังจากที่ได้ร่วมรัฐประหารกับคณะทหาร
และติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาจนถึงทุกวันนี้
มีเหตุการณ์อะไรที่เกี่ยวกับความผิดปกติของประเทศ
เห็นใครโกงกินบ้านเมืองรู้สึกทนไม่ได้ อยากออกไปขับไล่ต่อสู้
ถึงตายก็ไม่กลัว

ส่วนการได้มาซึ่งฉายา"คุณ ยายพันธมิตรฯ "
เกิดจากการเฝ้าติดตามการถ่ายทอด ASTV NEWS1 ที่ลานประวัติศาสตร์
สถานีรถไฟหาดใหญ่
ซึ่งเป็นเครื่องมือของการสื่อสารระหว่างพันธมิตรฯทั่วประเทศ
จากการเกาะติดเวทีพันธมิตรฯ สงขลา ขับไล่ระบอบทักษิณตั้งแต่ปี 2548-2549
และปี 2551 นั่นเอง

คุณยายพันธมิตรฯ เล่าว่า
เวลากู้ชาติจะเริ่มประมาณหนึ่งทุ่มของทุกวัน
ยายจะเดินจากบ้านที่อยู่ไม่ไกลมากนักกับเพื่อนบ้านอีก 2 -3 คน
นั่งฟังพันธมิตรฯ
จากส่วนกลางหมุนเวียนขึ้นเวทีพูดเรื่องการเมืองเคล้ากลิ่นกาแฟตลอดทั้งคืน
ทักทายพบปะกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์
และเกือบทุกวันจะต้องควักเงินบริจาคให้แก่พันธมิตรฯ
มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังทรัพย์
เสมือนเป็นเป็นครอบครัวที่ยายมีความผูกพันมานาน

จนกระทั่งแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เป่านกหวีดรวมตัวหน้าทำเนียบรัฐบาล
ยายออก็จัดกระเป๋าทิ้งสุนัขตัวโปรดและบ้านหลังใหญ่ที่อยู่เพียงลำพังไว้ชั่ว
คราว เพื่อร่วมขบวนม้าเหล็กกู้ชาติสู่เมืองกรุง รวมแล้ว 6 ครั้ง
เกินกว่าที่ลูกๆ ทั้ง 4 คน ซึ่งมีครอบครัวอยู่คนละทิศละทางจะต้านทานไหว
ซึ่งได้แต่ช่วยเหลือให้ความสะดวกให้ภารกิจครั้งใหญ่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

"ครั้งแรกยายไปกรุงเทพฯ เพื่อร่วมเป็นหนึ่งในศึกเก้าทัพ
ปักหลักนอนกลางดิน กินกลางฝน นั่งทนแดด 23 วันเต็ม
ถ้าลูกยายไม่โทร.มาร้องไห้ขอร้องให้กลับก่อน
ยายก็คิดว่าจะอยู่ต่ออีกเรื่อยๆ
หลังจากนั้นยายก็ไปๆมาๆแต่ก็ยังรู้สึกมีความภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย
แล้วได้ช่วยเหลือประเทศ ถึงจะลำบาก อันตราย เสี่ยงต่อชีวิต
แต่ไม่มีความกลัว"

ยายออ ยังฉายภาพความประทับใจในความกลมเกลียวของพี่น้องพันธมิตรฯ
ด้วยว่า กลางดึกคืนหนึ่งสายฝนได้กระหน่ำลงมาอย่างหนัก
จนท่วมเปียกที่นอนที่ปูด้วยพลาสติกหนาผืนใหญ่
ทุกคนต้องมาช่วยกันวิดน้ำออกโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ทันใดนั้น มีพันธมิตรฯ
คนหนึ่งแกล้งถามว่า "ทำอะไรกัน" คำพูดที่ตอบมาคือกำลังหาปลากันอยู่
เรียกเสียงหัวเราะครึกครื้นไปตามๆ กัน
ภาพความลำบากที่เกิดขึ้นกลับเป็นเรื่องที่พันธมิตรฯเห็นเป็นเรื่องขำๆ
ทุกคนเต็มใจที่จะมาอยู่รวมกันเพื่อการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
เพื่อความหวังเดียวกันคือ "ชัยชนะ"

เหล่า นี้
เป็นบางส่วนของหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตผู้หญิงสูงวัยคนนี้
ที่ร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯ นับแสนทั่วประเทศ กว่าจะได้มาซึ่งชัยชนะ
จนกลายเป็นความภูมิใจ เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศอีกนับล้านคน
ที่มีความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นมากมาย
และพร้อมที่จะขับขานเล่าสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน
เพราะได้ตระหนักถึงความสามัคคีและความเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อรักษาชาติ
บ้านเมืองนั่นเอง


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000028719

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น