++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2552

7 ต.ค.51 วันอำมหิต

เช้าวันที่ 7 ต.ค.51 จำได้ว่ากำลังจะไปทำงานใส่ชุดทำงานเรียบร้อยแล้ว..กำลังจะแต่งหน้า
ตาก็มอง ASTV อยู่ เห็นตั้มกำลังปราศรัยอยู่บนเวที อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียง ตูมๆ แล้วก็เห็น
ควันจากแก๊สน้ำตาพวยพุ่งขึ้นมา..ขยี้ตาดูอีกครั้งให้แน่ใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น และวินาทีนั้น
ได้รับรู้แล้ว่า มันกำลังเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเกิดขึ้นกับพี่น้องของเรา..หัวใจโบยบินไปหน้ารัฐสภา
ด้วยความเป็นห่วงพี่น้อง และก็ได้เปลี่ยนชุดทำงานเป็นเสื้อเหลือง ไปหน้ารัฐสภาทันที
แวะไปที่ทำงานแป๊บ..เพื่อไปส่งเวร และไปเอา mask เพื่อไปแจกจ่ายกับพี่น้อง พธม.ด้วย
ไปถึงทำเนียบก็ประมาณ 10.00 น. ก็จะไปหน้ารัฐสภา เดินไปยังไม่ถึง บชน.เลย ได้กินแก๊สน้ำตา
ซะแล้ว.. พอทั้งหลักซักแป๊บ ก็พากันไปหน้ารัฐสภา เพื่อสบทบกับพี่น้องของเรา
หลังจากนั้น ตั้งแต่ 4โมงเย็น ก็กินแก๊สน้ำตาตลอด แต่ที่สะเทือนใจสุดๆ ก็คือ
ระหว่างที่เดินกลับจากรัฐสภาเพื่อกลับทำเนียบ ที่โดนคนใจร้าย ฆ่าน้องโบว์และทำร้ายพี่น้อง
ของเราเป็นจำนวนมาก.. ตอนนั้น อยู่ที่ท้ายขบวน อยู่ตรงหน้า กองบัญชาการ ก่อนที่จะข้ามถนน
ตรง4แยก สวนอัมพร..เสียงระเบิดที่เค้ายิงพี่น้องเรา เหมือนเค้าไม่ใช่คน เค้าทำร้าย เค้าฆ่าเราได้
เสียงปืนและเสียงระเบิด ควันจากแก๊สน้ำตา มันพวยพุ่ง คละเคล้าด้วยเสียง ไซเรนจากรถพยาบาล
และรถมูลนิธิ.. รถที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้คนวิ่งกันอลหม่าน ...... ที่มันกำลังเกิดอะไรขึ้น
...เสียงปืนและเสียงระเบิด มันไม่มีท่าทีว่ามันจะหยุดลงซะที ทำไม เค้าปล่อยให้ตำรวจ ฆ่าประชาชน
อย่างนี้ ..ทำไม ไม่มีใครออกมาช่วยประชาชน ..ทำไมมันอลหม่านไปทั้งเมืองอย่างนี้ล่ะ
......วินาทีนั้น มีแสงไฟออกมาจากกองบัญชาการกองทัพบก มันเป็นแสงไฟ จากรถถังใช่หรือเปล่า
บัดนี้ก็ยังไม่แน่ใจ มีประมาณ อยู่ 6-7 คัน กำลังวิ่งออกมา.."ทหารออกมาช่วยประชาชนแล้ว"
..มันเป็นเสียงของประชาชน ที่เปล่งออกมาด้วยความดีใจ พร้อมน้ำตา ที่ไหลรินออกมา
... แต่อนิจจา เพียงแค่ 5 นาทีถัดมา ความรู้สึกเหล่าเช่นนี้มันได้จาง หายไปเสียแล้ว
... เพราะทหารเค้าบอกว่า เค้ามาช่วยตำรวจดูแลความสงบ เพราะตำรวจไม่สามารถ
ควบคุมสถานการณ์ได้ ตอนนั้น รู้สึกเหมือนถูกทุบหัว นี่มันเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองของเรา
..ประชาชน กำลังถูก ตำรวจฆ่าและทำร้าย.. วินาทีนั้นความรู้สึกมันบอกได้ว่า
ไม่มีใครอยู่ข้าง ประชาชนเลย.. เราต้องช่วยกันเอง หลังจากพ้นเงื้อมมือของตำรวจใจร้ายไปได้
...ถึงทำเนียบ เหนื่อยและเพลียแทบขาดใจ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว เพราะต้องหิ้วน้ำกลับมาด้วย
...แต่นึกถึงคนที่เสียชีวิตและ บาดเจ็บก็ทำให้ลุกขึ้นสู้ เลยเก งาน และนอนค้าง อยู่ที่ทำเนียบอีก 4 วัน
... กลับมาบ้านนอนไม่หลับอยู่หลายวัน ไม่ได้กลัวภาพที่เห็นหรอกค่ะ
...... แต่สะเทือนใจ.. ในความโหดร้าย,ใจร้ายของคนไทยบางคน ที่ฆ่าคนไทยด้วยกัน "อำมหิตจริงๆ"
"เวรกรรมจะตามสนอง" คนบาปเหล่านั้น ไม่ช้า ก็เร็ว
nkanitha@hotmail.co



    ไม่เคยลืมวันอันแสนเจ็บปวดของพี่น้องพันธมิตรในวันนั้นเลย
ยังคงจดจำได้อย่างแม่นยำ เสียงระเบิดทุกลูก เสียงปืนทุกนัด เสียงไซเรนของรถพยาบาลที่ดังไม่หยุด
เมื่อหนีรอดออกมาได้ ก็คอยเฝ้ามองรถพยาบาลที่วิ่งเอาพี่น้องของเราที่บาดเจ็บออกไปคันแล้วคันเล่า
น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ไม่รู้เข้าไปหยุดสิ่งเลวร้ายนั้นได้อย่างไร
หากรัฐบาลชุดนี้ไม่นำคนผิดมาลงโทษทัณฑ์แล้วละก็ มันก็คงไม่ต่างกันกับ รัฐบาลชั่วช้าที่ผ่านมา
ที่กำลังเฆ่นฆ่าพี่น้องประชาชนให้ตายทั้งเป็น
underdog

1 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอดเลยท่านพธม.นก สมุทรปราการ
    ข้าน้อยขอคาราวะ
    ...พธม.เมืองจันท์

    ตอบลบ