++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2549

เรื่องใหญ่

"ปมมีอยู่สองใบให้ไม่ได้"
คำเขียนไว้ด้วยชอล์กตัวออกเขื่อง
อาจารย์ใหญ๋ไปเห็นเต้นอย่างเคือง
สั่งเอาเรื่องให้หามือสามานย์
พวกครูน้อยพลอยเป็นเห็นดีด้วย
อยากได้หน้ามาช่วยวิ่งกันพล่าน
กับกลเม็ดเด็ดพรายหลายประการ
เพียงไม่นานได้ตัวคนชั่วมา
เป็นเด็กในวัยหนุ่มที่กลุ้มกลัด
มองเห็นชัดท่าทีมีปัญหา
แววพิรุธผุดฟ้องในสองตา
แสดงท่าตามติดไม่ผิดตัว
อาจารย์ใหญ่ใส่เข้ารุกเร้าว่า
"แหม,ไม่น่าก่อกรรมกระทำชั่ว
โรงเรียนที่ดีเลิศเกิดหมองมัว
ด้วยเด็กหัวคิดต่ำมาทำลาย
ประการหนึ่งซึ่งมันสำคัญแน่
เด็กเพศแม่ของครูมีอยู่หลาย
เห็นข้อความทรามต่ำทำเอาอาย
ลองขยายมาซีมีอะไร"
ศิษย์เฉลยเผลเล่า "เพื่อนเฝ้าขอ
มีไม่พอครับท่านอาจารย์ใหญ่
จึงต้องรีบเขียนไว้ให้เห็นใจ
โอ้สองใบของผมคือ..ส้มครับ"
บุญนิตย์ ไชยเศรษฐ

ไหล

"น้ำใสไหลกระเซ็นเห็นตัวปลา
แหวกว่ายปทุมาอยู่ไหวไหว"
ได้ทั้งรสได้ทั้งภาพกำซาบใจ
ไม่บอกใบ้ก็ต้องรู้ยอดครูกลอน
ดูน้ำใสไหลเรื่อยเอื่อยเอื่อยพลิ้ว
ใบไม้ปลิวร่วงหล่นปนเกสร
ดุเหว่าร้องก้องฟ้าริมสาคร
อากาศร้อนก็ผ่อนคลายสบายใจ
คำนึงถึงหางไหลงอกใต้น้ำ
เก็บแกงส้ม ต้มยำ ย่อมทำได้
รสอร่อยไม่หยอกอย่าบอกใคร
เจอที่ไหนซื้อที่นั่นกินกันดู
พร้อมผัดเผ็ดปลาไหลให้รสจัด
เกิดกำหนัดแก้วเหล้าจัดเข้าคู่
ขออภัยเมียเถิดเฉิดโฉมตรู
อย่าทำหน้ามู่ทู่เหมือนหมูตอน
พักนี้พี่จะรวยด้วยเหล็กไหล
ถ้าขายได้ก็สวยรวยกระฉ่อน
แต่ยามนี้จงฟังแม่บังอร
ช่วยซื้อเหล้าให้ก่อนสักหนึ่งกลม
เรื่องไหลเป็นไหลตายพี่ไม่กลัว
ไม่เคยมัวเมาเหล้าบ้าด่าเสียงขรม
ขออย่างเดียวอย่าว่าถ้าติดลม
ประคบประหงม..ยังไหลพรากราดกางเกง
ทองคำ โพธิ์คำ

คนหลายโรค

ฉันเป็นโรคปาก
ชอบพูดมากปากยาวน่าเอาอย่าง
ปากปราศรัยใจเชือดเลือดเป็นทาง
เพื่อนข้างข้างว่าฉันดีปากปีจอ
ฉันเป็นโรคคอเจ็บ
เหมือนหนามเหน็บกีดขวางทางที่ก่อ
เพราะชอบเป็นคนกลางกว้างขวางคอ
จึงเจอตอทิ่มตำเป็นธรรมดา
ฉันเป็นโรคฟัน
ใครขวางกั้นเป็นฟันไม่เลือกหน้า
ผลประโยชน์พวกพ้องต้องโกยมา
ฟันจนกว่าถูกฟันวันอับจน
ฉันเป็นโรคจมูก
สั่งน้ำมูกรดฟ้ามาหลายหน
ยืมจมูกหายใจไม่ดิ้นรน
ถูกเขาจูงจมูกจนน่าเจ็บใจ
ฉันเป็นโรคชิวหา
ลิ้นตวัดแต่ละคราถึงหูได้
ประจบเก่งเล่นลิ้นดีดดิ้นไป
แม้สุนัขรับใช้ยังอายลิ้น
ฉันเป็นโรคลำไส้
จะกี่ขดยาวเท่าไหรเป็นรู้สิ้น
บางครั้งชอบสาวไส้ให้กากิน
จึงปวดดิ้นหม่นหมองเพราะท้องมาร
ฉันเป็นโรคคดในข้อ
และแถมงอในกระดูกด้วยนะท่าน
นี่ฉันคงตรากตรำและกรำงาน
ใครชำนาญการรักษาบอกยาที
เอนก แจ่มขำ

แค่นี้พอเถอะ

แค่แค่นี้แค่นี้ยังแค่นี้
ถ้าแค่นี้แล้วแค่นั้นมันมากไหม
ขนาดแค่แค่นี้แทบขาดใจ
จะแค่นั้นหรือแค่ไหนจึงจะพอ
หรือจะขออันนี้ด้วยก็ช่วยตอบ
หรือว่าชอบอันนั้นด้วยให้ช่วยขอ
หากจะเอาแค่อันนั้นไม่ต้องรอ
เพราะยังไร้คนจ่อรอขอคิว
อันยาวนั้นถ้าจะเอาก็เอาได้
ส่วนอันใหญ่ถ้าเอาไปเป็นได้ฉิว
มีอย่างหรือสั้นก็เอายาวก็ได้ใหญ่ก็ซิว
คงต้องปิ๋วทั้งหมดอดทุกอัน
เอาอย่างนี้ดีกว่าจะขอแนะ
แค่นี้แหละดีแล้วไม่แคล้วสันต์
ไม่อย่างนั้นคงต้องอดได้โกรธกัน
ใครเขาปั่นหูคล่องพร้อมสองรู
ฮวก ฟ้อนงาม

ลุงขำขี้ลืม

ยอดขี้ลืมลุงขำจำไม่ได้
เลอะหลงไหลเมียลูกเลยถูกด่า
ครั้งหนึ่ง แกเคยเอาผ้าขาวม้า
ขึ้นพาดบ่าหาพล่านทั่วบ้านไป
เอาแว่นตาขึ้นค้างกลางหน้าผาก
หลงลืมมากมองหาแว่นตาใส่
เมียจึงชี้ที่หน้าผากแกนั่นไง
แกนึกได้ร้องว้า หาเกือบตาย
วันหนึ่งแกเหน็บมีดอีโต้โผล่นอกผ้า
เดินเข้าป่าตามถนัดตัดฟืนขาย
เกิดปวดอุจาระกระวนกระวาย
มองรอบกายตรงนี้ดีเหลือเกิน
เอามีดฟันติดฉับกับต้นไม้
นั่งใกล้ใกล้ปลดทุกข์อย่างฉุกเฉิน
พอเสร็จสรรพขับถ่ายสบายเพลิน
ลุกขึ้นเดินแกต้องร้องโอ้โฮ
ลุงขำมองเห็นมีดติดต้นไม้
เขาดีใจตื่นเต้นเป็นอักโข
มีดใครหวาคว้าได้ไม่เลโล
ควงมีดโต้รำป้อหัวร่อดี
เก็บมีดได้ตะเหล่งเตงเท่งตุ้มเป๊ะ
อุจจาระแกเดินเหยียบอย่างเต็มที่
ลุงขำร้องด่าไอ้อัปรีย์
หมาตัวไหนมาขี้ตรงนี้วะ
เนาว นงสยาม

หล่อนหรือที่เขาลือว่างาม

หล่อนนี่หรือ ที่ลือนาม ว่างามนัก
อยากรู้จัก มานานวัน ฉันนั้นสน
อยากพบเห็นเป็นขวัญตา นะหน้ามล
มาได้ยล สมคนลือ ..อือม์..งามจริง
ดูเนตรนาง เหมือนกวางไพร สดใสแท้
สองปรางแม่ แหมสวยจอด เจียวยอดหญิง
เนื้อนวลนาง น่านอนแนบ กอดแอบอิง
ทุกทุกสิ่ง ช่างสวยเด่น เห็นว่างาม
ปทุมทอง สองถัน ตันตึงเต่ง
เบิกบานเบ่ง ดันเสื้อ โตเหลือหลาม
คิดแล้วใคร่ ได้กกกอด แม่อกงาม
ช่างอร่าม อะแหร่มแท้ แม่โฉมยง
อันตะโพกของนงนุช สุดเสียงสังข์
โตเสียจัง ตะโพกนี้ ดูสูงส่ง
ไม่เสียดาย แล้วแล้ แม้ปลดปลง
บุญสูงส่ง ได้มาพบ ประสบนาง
โอ้..งามแท้ แม่นาง ช่างงามนัก
พี่นี้รัก เจ้าเหลือเกิน อย่าเมินหมาง
แล้วพูดจา เย้ายวน แม่นวลนาง
แม่เอวบาง ร้องด่า "คนหน้าควาย"
ไฟพิโรธ ฮือโหม ฉันโถมจับ
เสียงดังควับ เอ๊ะ เอวกลม ผมเธอหาย
เสียงเปรี๊ยะลั่น ฉันนอนเด่น เห็นดาวพราย
เอ๊ะ..ผู้ชาย หรือนี่ หมัดดีจริง
สร้อย แสงแดง

วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2549

การกิน ท่านั่ง ท่าเดิน

การกิน ท่านั่ง ท่าเดิน เป็นตัวบ่งบอกถึงนิสัยของคนๆ นั้นได้เช่นกัน ใครเป็นคนประเภทไหนลองอ่านดูนะคะ
ดารณี

กินจากกลางจาน
เป็นคนใจร้อน หงุดหงิดง่าย ตรงไปตรงมา
กินจากขอบจาน
เป็นคนอบอุ่น ไม่ชอบทะเลาะวิวาท
แบ่งอาหารเป็นส่วน
เป็นคนเจ้าระเบียบ เจ้าหลักการ ตรงต่อเวลา และมีความสามารถเชิงจัดการ
เลือกกินของชอบก่อน
เก็บความลับเก่ง ไม่แคร์ใคร ทำตามใจตัวเอง
เก็บของชอบไว้ทีหลัง
เป็นคนรอบคอบ มีการวางแผนที่ดี
เลือกของไม่ชอบออก
เอาใจใครไม่เป็น ชอบวิจารณ์ แต่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์
เป็นคนเข้าใจยากมาก

นั่งเต็มเก้าอี้
เป็นคนทำงานอย่างกระตือรือร้น ไม่กลัวปัญหา มักจะได้ดีเกินหน้าคนอื่น ๆ

นั่งจับหัวเข่า
มักชอบแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์มากมาย และชอบอยู่ในโลกของความฝัน

นั่งไขว่ห้าง
เป็นคนขัดแย้งในตัวเอง และไม่ค่อยยอมรับความจริงเท่าไหร่

นั่งอ้าขา
ชอบพบปะผู้คน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก

ยืนตัวตรง
ไม่ค่อยยอมรับความคิดคนอื่น มีระเบียบวินัยสูง

ยืนหลังงอ
เป็นคนจริงใจ รอบคอบ ไม่ชอบให้ใครมาล้อเล่น

ยืนไร้ท่า
ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ มีมนุษยสัมพันธ์ดี สนุกสนาน

ยืนแอ่นตัว
เป็นคนอ่อนไหว โอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งพาของคนอื่นได้ดี รู้จักคิดอย่างรอบคอบ

เดินแบบทหาร
มีเหตุผลจริงจัง ไม่ชอบการเสี่ยง มีความพยายามสูงและมักจะประสบความสำเร็จ

เดินก้มหน้า
จริงจังจนคิดมาก ไม่มีอารมณ์ขัน จิตใจเข้มแข็ง สามารถรับมือกับปัญหาได้ดี

เดินเชิดหน้า
ละเอียดรอบคอบ ขี้อาย มีความลับเก็บไว้มาก

เดินลงส้นเท้า
เชื่อมั่นในตัวเองสูง เจ้าอารมณ์ มีความสามารถด้านการแสดง